Custom Search

Dec 16, 2008

นักการเมืองโปรดให้ความหวังแก่ประชาชน

วรากรณ์ สามโกเศศ
มติชน
วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิกฤตเศรษฐกิจไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นเรื่องของการล้มละลายของธุรกิจ
เพราะภาระการเงินอันเนื่องมาจากหนี้ต่างประเทศซึ่งมีผลพวงจากค่าเงินบาทตกต่ำ
และควบซ้ำด้วยความไม่มั่นคงของสถาบันการเงินซึ่งเกี่ยวเนื่องกับปัญหาภายในประเทศ
แต่วิกฤตเศรษฐกิจไทยครั้งนี้เป็นเรื่องมาจากเศรษฐกิจภายนอก
ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจและก่อให้เกิดการว่างงาน
และควบซ้ำด้วยปัญหาการเมืองภายในประเทศ
วิกฤตครั้งที่แล้วเป็นผลจากปัจจัยเศรษฐกิจภายในเป็นส่วนใหญ่
ส่วนวิกฤตครั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอก
และปัจจัยการเมืองภายในวิกฤตครั้งที่แล้วรุนแรงหนักหน่วง
กระทบคนมีสตางค์อย่างมาก
ส่วนคนข้างล่างซึ่งเหมือนหญ้าแพรกที่ถูกเหยียบเมื่อช้างสารเคลื่อนตัว
ก็ถูกกระทบเช่นเดียวกัน วิกฤตครั้งนี้ ณ ขณะนี้ยังดูไม่รุนแรงเท่าวิกฤตครั้งที่แล้ว
ดูเหมือนคนมีสตางค์ส่วนใหญ่จะไม่ถูกกระทบหนักหน่วงเหมือนครั้งที่แล้ว
แต่ส่วนที่จะถูกกระทบแน่นอนและสาหัสพอควรก็คือธุรกิจ SME"s
และหญ้าแพรกทั้งหลายดังเช่นเคยยังไม่มีใครในโลกนี้
สามารถบอกได้อย่างมั่นใจเต็มที่ว่าวิกฤตในสหรัฐอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้ว
จะจบลงเมื่อใด และจะส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใดต่อชาวโลก
โดยเฉพาะต่อแต่ละประเทศมีโหรเศรษฐกิจไทยพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจไทย
จะขยายตัวเพียงร้อยละ 2 และจะก่อให้เกิดการว่างงานถึง 1 ล้านคน
ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนของต่างชาติ
บ้างก็ว่าจะเติบโตระหว่างร้อยละ 3-4 และว่างงานไม่เกิน 400,000 คน
บ้างก็ว่าเติบโตระหว่างร้อยละ 2 ถึง 3
และจะว่างงานประมาณ 600,000-700,000 คน ฯลฯ
สุดแต่จะว่ากันไป แต่ที่แน่นอนก็คือเป็นวิกฤตที่รุนแรงพอควร
โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME"s และแรงงานไทย
อย่าลืมว่าบ่อยครั้งที่พยากรณ์เศรษฐกิจนั้นแม่นยำสู้
พยากรณ์อากาศในเรื่องง่ายๆยังไม่ได้เลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการพยากรณ์อากาศว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น
ยังมีสภาวะอากาศของวันนี้เป็นข้อมูลให้พอเป็นฐาน
แต่สำหรับพยากรณ์เศรษฐกิจนั้นข้อมูลที่มีในวันนี้
คือข้อมูลของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน
ความไม่ทันกาลของข้อมูลจึงเป็นเรื่องขบขันล้อเลียนนักเศรษฐศาสตร์กันมานาน
เขาว่ากันว่านักเศรษฐศาสตร์นั้น
สามารถให้คำอธิบายที่ลึกซึ้งอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ยอดเยี่ยมมาก
กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต
แต่สำหรับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้น นักเศรษฐศาสตร์ไม่เก่งเอาเสียเลย
ถ้าจะเบิ้ลนักเศรษฐศาสตร์แรงๆ ก็คือ "เก่งเมื่อมองอดีต"
กล่าวคือคำอธิบายสำหรับอนาคตนั้นต้องขอให้ผ่านไป 3 เดือนก่อนแล้ว
จะอธิบายให้ฟัง รับรองว่าชัดเจนแจ่มแจ้งไม่พูดกำกวมอย่างฉาดฉาน
เหมือนเมื่อพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือนจากปัจจุบันอย่างเด็ดขาด
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ต้องการชี้ให้เห็นว่าปรากฏการณ์
หรือภาวะหรือปัญหาเศรษฐกิจเป็นผลพวง
จากหลายมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
ซึ่งเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อนอย่างยากที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้
และยากต่อการพยากรณ์
อย่างไรก็ดีปัจจัยตัวหนึ่งที่โดดเด่นอย่างยิ่งในการสร้างปัญหาเศรษฐกิจ
ทำให้ปัญหาเลวร้ายยิ่งขึ้น และช่วยสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสำคัญ
นั่นก็คือความเชื่อมั่นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่เมฆครึ้มทะมึน
กำลังเคลื่อนเข้ามานั้น มีปัจจัยภายนอกซึ่งได้แก่วิกฤต "แฮมเบอร์เกอร์"
เป็นสาเหตุใหญ่ โดยปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นตัวสนับสนุน
ความแตกแยกของคนในชาติอันเนื่องมาจากตัวบุคคลนำไปสู่ความรุนแรง
และการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของคนไทยด้วยกันเองอย่างน่าสลดใจ
กอบกับตัวบุคคลในรัฐบาล 2 ชุดที่พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคหลัก
ในการตั้งรัฐบาลมีส่วนอย่างสำคัญในการทำลายความมั่นใจที่มีต่อเศรษฐกิจไทย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของผู้นำรัฐบาล 2 ชุดดังกล่าว
ตลอดจนทีมเศรษฐกิจอันประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น พาณิชย์ อุตสาหกรรม เกษตรฯ
ไม่ได้สร้างความเชื่อมันให้แก่นักธุรกิจและนักลงทุน
ทั้งในและต่างประเทศในระดับที่น่าพอใจเลย
"ความเชื่อมั่น"นั้นคือความมั่นใจว่าทีมงานนี้รู้หนทาง
แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสามารถนำนโยบายดังกล่าว
ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นผลขึ้นมาได้อย่างอยู่บนพื้นฐานของธรรมาภิบาล
ที่กล้าเขียนเช่นนี้ก็เพราะไม่เคยมีครั้งใดเลย
ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย
และสมาคมธนาคารไทย 3 องค์กรหลังของภาคเอกชนไทย
ประสานเสียงกันเป็นหนึ่ง ตีพิมพ์แถลงการณ์ในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ
อย่างเป็นทางการ ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลตลอดจน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล
เห็นได้ชัดจากแถลงการณ์ว่าถ้าไม่เหลืออดจริงๆ
แล้วคงไม่เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน
เมื่อพรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนหลักตั้งถึง 2 รัฐบาลแล้ว
แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้
อีกทั้งยังถูกศาลสั่งยุบพรรค
อันเนื่องมาจากการทุจริตเลือกตั้งของผู้บริหารพรรคอีก
ดังนั้น ปัจจุบันจึงเป็นความชอบธรรมที่จะให้พรรคที่มีคะแนนเสียงในสภา
เป็นอันดับสองคือพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
แทนเมื่อหันมาดูพรรคประชาธิปัตย์ว่า
มีแววสร้างความเชื่อมั่นในการเตรียมการสู้ "เมฆครึ้มทะมึน"
และแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่
คำตอบก็คือมีแวว
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกือบ 17 ปี
เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและอื่นๆ อีกหลายตำแหน่ง
เรียนจบปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากหลักสูตรชั้นเลิศของโลก
(มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด)
และมีพื้นฐานการศึกษาอย่างเป็นเลิศเช่นเดียวกับ
ผู้นำรัฐบาลของประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่
ตลอดเวลา 17 ปี สังคมไทยไม่เคยได้รับทราบข่าวเสียหาย
ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตหรือเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด
ที่ได้รับทราบก็คือความสามารถในการจัดการ
ในการตัดสินใจ ในการมีหลักการอันมั่นคง
ในการสื่อสาร และในการดำรงตน
ทั้งในสมัยที่เป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายค้าน
และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์
ที่สามารถเป็นกำลังหลักของรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจ
ที่ได้รับการเอ่ยชื่อในสื่อก็ได้แก่ ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล คุณกรณ์ จาติกวณิช ฯลฯ
ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์กว้างขวาง
ในภาครัฐและธุรกิจการเงินไทยและต่างชาติ
และประการสำคัญมีชื่อเสียงในความซื่อสัตย์สุจริตคนไทย
สมควรได้รับความหวัง
ไม่ควรถูกลงทัณฑ์ด้วยการจัดการการเมืองหลังฉาก
พรรคประชาธิปัตย์มีความชอบธรรมที่จะเป็นแกนนำ
ในการจัดตั้งรัฐบาล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
จากพรรคอื่นควรสนับสนุนให้โอกาสคนที่มีความรู้ความสามารถ
ได้ทำงานตามที่ประชาชนเลือกมา
ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยควรให้โอกาสนักเศรษฐศาสตร์
(ถึงแม้จะศาสตร์จะพยากรณ์เศรษฐกิจได้ไม่แม่นนัก)
ผู้อยู่ในวัยหนุ่มใกล้เคียงนายโอบามา
และมีประสบการณ์การเมืองยาวนานถึง 17 ปี
ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของชาติอย่างเร่งด่วน
ร่วมกับทีมงานเศรษฐกิจที่มั่นใจว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนไทยและเทศ
ได้เป็นอย่างดี
หน้า 6