ที่มา https://www.springnews.co.th/news/election66/840940
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศผ่านเพจพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อวันอังคาร (11 ก.ค. 2566 )
ว่าขอวางมือจากกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด และขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ประกาศผ่านเพจพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อวันอังคาร (11 ก.ค. 2566 ) ว่าขอวางมือจากกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมด
และขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
พ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรัก
และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติทุกท่าน
ผมต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องประชาชนได้ให้การสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติและผม
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา
จนทำให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขตเลือกตั้งของเรา ได้รับเลือกตั้งเป็นจำนวน 23 คน
และเรายังได้รับการสนับสนุนในการเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติอีกถึง 4,766,408 เสียง
จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มาใช้สิทธิ 38,057,074 คน
หรือร้อยละ 12.52 สูงเป็นอันดับสามของประเทศ ทำให้เรามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออีก 13 คน
รวมทั้งสิ้น 36 คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยสำหรับพรรคการเมืองที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่
การที่ผมตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เพราะผมต้องการร่วมสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ
เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองที่มีคุณภาพ มีอุดมการณ์ที่แข็งแกร่ง มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และเป็นหลักให้กับบ้านเมืองต่อไปในอนาคต
ผมเชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเก้าปีเศษ
ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ทำงานอย่างมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง
เพื่อปกป้องรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนอันเป็นที่รักยิ่ง
และสิ่งเหล่านี้กำลังผลิดอกออกผลให้กับประเทศชาติโดยส่วนรวม
ผมได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะทำให้ประเทศชาติแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆด้าน
มีเสถียรภาพ มีความสงบ และฟันฝ่าอุปสรรคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จนมีความสำเร็จก้าวหน้าเป็นรูปธรรมหลายๆด้าน
อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งทางด้านคมนาคม ขนส่ง การสื่อสาร เครือข่ายอินเตอร์เน็ต สาธารณูปโภค
การเร่งรัดการลงทุนจากต่างประเทศในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ
การสนับสนุนการวิจัยพัฒนา การจัดหาที่ดินทำกิน
การจัดระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้มีน้ำใช้และบรรเทาการเกิดอุทกภัย
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการอำนวยความสะดวก
ให้กับพี่น้องประชาชนทั้งการทำมาค้าขาย การใช้ชีวิตประจำวัน
และการรับบริการจากภาครัฐ การต่อสู้กับการระบาดของโรคไวรัสโควิด๑๙
จนได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการบริหารจัดการโรคอุบัติใหม่ที่ดีที่สุดในโลก
การแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาต่อการค้าการลงทุนมายาวนาน เช่น
การค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกฎหมาย การรักษามาตรฐานกิจการการบิน
ตลอดจนการดูแลประชาชนอย่างเป็นระบบอย่างทั่วถึงด้วยความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชาชนผู้เปราะบาง
มีรายได้น้อย เด็ก คนชรา คนพิการ เป็นต้น ซึ่งผมได้บริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มความสามารถ
ระมัดระวังการใช้จ่ายงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของพี่น้องประชาชน
ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย วินัยการเงินการคลัง มาโดยตลอด
เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ทำให้กับประเทศชาติและประชาชนตลอดเก้าปีเศษที่ผ่านมา
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลต่อไปจะดำเนินการพัฒนาต่อไป
จากนี้ไป ผมขอประกาศวางมือทางการเมือง
ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
และขอให้หัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร
และสมาชิกพรรคได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองด้วยอุดมการณ์ที่แข็งแกร่ง
ปกป้องรักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และดูแลพี่น้องประชาชนชาวไทยต่อไป
และขอให้พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจสนับสนุนการทำงานของพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไปด้วย
ขอขอบพระคุณครับ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งนี้ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่วงการการเมืองจาการยึดอำนาจรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 และเป็นผู้นำประเทศด้วยอำนาจเผด็จการทหารยาวนาน 5 ปี
ก่อนได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
ที่ยังถูกครหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตยนัก
โดยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาอีกเกือบ 4 ปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำที่เคยเป็นทหารรายนี้และมักไม่กล้าระบุตัวว่าเป็นนักการเมือง
ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2566
แต่พรรคดังกล่าวกลับได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรเพียงแค่ 36 เสียง