Custom Search

Feb 20, 2022

เศรษฐา ศิระฉายา (2487 - 2565)





อี๊ฟ พุทธธิดา น้ำตาคลอ ก่อนจากไปพ่อเห็นแสงสีเขียว ดูแลเต็มที่และดีที่สุด




21 ก.พ. 2565


หลังจากที่ทางครอบครัวได้นำร่างของ อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา

มาถึงที่วัดเทพศิรินทราวาส เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา

อี๊ฟ พุทธธิดา ลูกสาวของอาต้อย ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนฟังว่า

ความรู้สึกมันมีช่วงเวลาหลายช่วงเวลาที่เราก็รู้แหละว่าสักวันนึงที่ต้องลากัน

ถึงจะคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำทุกอย่างแล้ว พร้อมแล้ว มันก็คงไม่พอ

คือคุณพ่อทานได้น้อยมาหลายเดือนแล้วค่ะ ช่วงก่อนปีใหม่แต่เขาก็จะดีขึ้นเป็นพักๆ

บางช่วงเริ่มสดชื่นก็จะทานได้เยอะหน่อย แล้วก็จะเริ่มทานไม่ได้ ก็จะสลับๆ

จริงๆ ช่วงที่ไม่ทานไม่ได้นานมาก แต่ว่าด้วยความที่ร่างกายมันถดถอยเนื่องจากว่า

คำว่าทานได้คือ 8-9 ช้อน แค่นั้นเอง ทานไม่ได้คือไม่ทานเลย

หรือทานแค่ 2-3 ช้อน ช้อนเล็กๆ

แล้วคุณพ่อไม่อยากใส่สายในการให้อาหารเพราะว่าคุณพ่อไม่ชอบ

ในการพยาบาลดูแลบางคนก็บอกว่าทำไมเราถึงไม่บังคับ

ครอบครัวเราอยากให้คุณพ่อมีความสุขที่สุด

บางทีการบังคับจิตใจคนไข้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดที่ควรทำ เลือกทางที่คุณพ่อสบายใจ

เพราะว่าสุดท้ายแล้ว เราก็ยังโชคดีที่ได้ทำให้พ่อมีความสุข

เราได้พยายามทำให้พ่อมีความสุขมากที่สุด ฝืนใจบ้างที่ต้องทำตอนกินยา

อย่างน้อยวันนี้เราก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า รู้งี้เราไม่บังคับพ่อดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่างนี้ดีกว่า

ตลอดระยะเวลาที่รักษาคุณพ่อมีกำลังใจต่อสู้กับโรคเป็นอย่างดีใช่มั้ย?

คือมันก็ขึ้นๆ ลงๆ เพราะว่าบางทีเขาก็เหนื่อยมากจริงๆ บางคนเข้าใจว่าพ่อป่วยไม่นาน จริงๆ แล้วคุณพ่อเป็นมา 3 ปีกว่าแล้ว

ทุกช่วงเวลามันก็ ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วมันก็มีหนักบ้าง เบาบ้าง แต่จริงๆ ก็ค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาตลอด

อาจจะมาในช่วงหลังที่ต้องมารักษาเพิ่มเติ่ม มันก็อาจจะมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก

ก่อนจะไปโรงพยาบาลมีอาการอย่างไรบ้าง?

จริงๆ ไม่ได้มีอาการอะไรเพิ่มเติม แต่ที่ไปโรงพยาบาลเพราะตรงกับวันที่หมอนัด และตั้งใจว่าอยากให้พ่อไปสัก 2-3 วัน

เนื่องจากพ่อทานไม่ได้และดูผอมลงเยอะมากเลย ต้นอุ้มลอยเลยเพราะเบามาก อี๊ฟก็ยังอุ้มได้เวลาขึ้นเตียง

ก็เลยตัดสินใจว่า อย่างน้อยในวันที่หมอนัด เข้าไปแล้ว หมออาจจะให้น้ำเกลือ หรือให้สารอาหารหรือวิตตามินเพิ่มเติม

ให้เขาสดใสสดชื่นขึ้นหน่อย คงคิดว่าเข้าไปสักวัน 2 วัน ก็น่าจะได้กลับบ้าน แผนคือแบบนั้น

แต่ปรากฎว่าพอเข้าไปจริงๆ เขาก็มีเรื่องของเสมหะที่เหนียวข้นมาก และทำให้เขาหายใจไม่ออก

ก็มีการดูดเสมหะ และพ่อค่อนข้างนอนราบแล้วไม่สบาย คงอึดอัดหายใจไม่ออก


สุดท้ายก็เลยตัดสินใจดูดเสมหะ การดูดมันก็คงเจ็บและทำให้เหนื่อย ความดันก็ตก

หมอก็พยายามใช้ยากระตุ้น มันก็ไม่น่าจะตกขนาดที่เขาจะไป

แต่ก็คิดว่าคงเป็นความบอบบางของเขาในภาวะที่เป็นอยู่มันมาก เราอาจจะคิดว่ามันอาจจะไม่น่าๆ

แต่ว่าเราไม่รู้ว่าข้างในเขาคงเหนื่อยมากแล้ว ก็เลยกลายเป็นเป็นว่า ความดันตก และยากระตุ้นไม่ขึ้น 

ก่อนหน้านี้ได้อยู่ข้างๆ คุณพ่อมั้ย?

ไม่ได้อยู่ค่ะ อย่างที่บอก ช่วงที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากพอสมควร

นอกจากพ่อ คุณแม่ก็ค่อยข้างเหนื่อยเลย เพราะพ่อไม่กิน แม่ก็ไม่อยากกิน

เขาอยู่ด้วยกันมา ดูแลกันมา ตอนที่คุยกันเรื่องหมอนัด

พ่อจะเข้าโรงพยาบาล เราก็เลยคุยกันว่า ถ้าพ่อไปแค่วัน สองวัน พอดีอี๊ฟมีธุระไปคุยงานที่เสม็ด

ก็เลยคุยกันว่าพาแม่ไปด้วยเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน กลับมาค่อยไปรับพ่อกลับบ้าน นี่คือที่เราคุยกัน

ในวันที่เดินทางเช้าเราอยู่ส่งพ่อขึ้นรถ บอกไปหาหมอนะ เดี๋ยวจะไปรับที่โรงพยาบาล

พ่อก็โอเค เหมือนทุกครั้งที่เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล

แต่ด้วยความที่เวลาจะไปเฝ้าไข้ก็จะต้องตรวจ PCR ซึ่งตรวจแล้วก็จะผลัดกันเฝ้า 5-7 วัน

เที่ยวนี้เราคิดว่าแค่ 2-3 วัน ก็เลยให้ผู้ช่วยและผู้ดูแลไปเฝ้า อี๊ฟจะพาแม่ไปพักผ่อนบ้างให้เขาไปหายใจหายคอบ้าง

หลังจากที่พ่อไปโรงพยาบาล เราก็เดินทาง ก็โทรคุยกัน ได้ห้องหรือยัง รอผลโควิดอยู่ ก็คุยกันเป็นช่วงๆ ก็ไม่มีอะไร

อี๊ฟคุยกับคุณพ่อ? 

อี๊ฟคุยกับผู้ช่วย เพราะคุณพ่อพอตรวจโควิดเสร็จก็นอนพักรออยู่เขาก็ไม่ให้ญาติเข้าไปเฝ้า

มันเป็นสิ่งที่เราทำกันตลอดในช่วงที่ผ่านมา เราทำแบบนี้มาตลอด เพียงแค่วันนั้นไม่ใช่อี๊ฟที่พาไป

เราไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้?

ใช่ค่ะ แล้วพอช่วงกลางคืน ก็ไม่มีอะไร คุยกันครั้งสุดท้าย เราก็เข้าที่พักเรียบร้อย สวดมนต์ แม่ก็คุยว่าโอเคไหม

ก็บอกว่าดูเขามีเรื่องเสมหะ ก็คุยกันเรื่องเสมหะไม่มีอะไร แล้วพอตีสองนิดๆ ผู้ช่วยก็โทร.มาเรื่องความดันที่เอาไม่ขึ้น

คุณหมอก็โทร.มาปรึกษาเรื่องการใช้ยากระตุ้นความดัน ผู้ช่วยก็ถามว่าพรุ่งนี้กลับเลยได้มั้ย

เราก็บอกว่าได้ จะโทร.ไปแจ้งเรือให้มารับเช้าเลย ก็เตรียมกลับ

แต่พอตีสี่ก็โทร.มาใหม่ว่าไม่น่านาน อยากให้คุยเลย ซึ่งเราก็ยังงงๆ ว่าไม่น่าจะไปถึงตรงจุดนั้น

แต่พอเราเห็นเขาแล้ว เราก็รู้สึกว่า เราไม่อยากให้เขากังวลใจ หรือทุกข์ใจ

อี๊ฟก็ได้แต่บอกเขาว่าถ้าพ่อเหนื่อยก็ขอให้พักเลย ไม่เป็นไร ใจก็คิดว่าควรบอกให้เขารอหรือเปล่า

แต่เราก็รู้สึกว่าถ้าเราพูดแบบนั้น

เราก็คิดว่าเขาคงไม่โอเค แม่ก็พูดเหมือนกันว่า พ่อไม่ต้องห่วงนะ พวกเรารักพ่อมากที่สุด และเขาก็ค่อยๆ หลับไปค่ะ


เสียใจมั้ยที่ไมได้อยู่ในวันนั้น?

เสียใจค่ะ แต่ก็เชื่อว่าพ่อเข้าใจ เพราะว่ามันไม่มีใครรู้ (เสียงสั่น) ไม่มีใครอยากให้เกิด

เมื่อมันเกิดแล้วทุกคนอาจจะโทษตัวเอง ใครๆ ก็โทษตัวเอง

ตอนแรกก็รู้สึกหนักอึ้ง ทุกคนคงรู้สึกหนักอึ้ง แต่แม่เป็นคนที่เข้าใจมากที่สุด

แม่พูดกับอีฟว่าพ่อมีชีวิตที่ดี ดีมากๆ แล้วสิ่งเดียวที่เราทำให้เขาได้ก็คือ ทำให้เขาหมดความกังวลใจ หมดห่วง

เขาจะหลับแล้วก็ไม่ควรให้เขาต้องรู้สึกว่าเขาต้องมาโอ๋ใคร หรือมาอะไรอีก

เขาคงจะรู้ว่าเราอยู่ได้ เราจะไปต่อได้ เราจะสานต่อชีวิตที่เขาให้ไว้ได้เป็นอย่างดี

ก็เลยมาถึงได้ไปเห็นพ่อ พอได้เห็นเขาดูผ่องใส เขาไมได้ดูเหมือนคนป่วย แล้วเขาก็ดูสงบ

ไม่ได้ดูเหมือนช่วงที่เขาลำบาก ต่อสู้ ไม่เหมือนช่วงที่เราผ่านช่วงแย่ๆ กันมา (น้ำตาคลอ)

มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าพ่อคงไปที่ที่ดีมากๆ และเขาก็คงเหนื่อยมากแล้วจริงๆ

เพราะเขาดูสงบและมีความสุขที่ได้หลับพักสักที

คนดูแลก็บอกว่าก่อนที่พ่อจะไป พ่อเห็นแสงสีเขียวอันนี้ก็ไม่รู้ว่ายังไง

เขาเห็นแสงสีเขียวเราก็เชื่อว่าแสงนั้นแหละคงเป็นแสงที่นำพาเขาไปในที่ที่ดี


คุณแม่เข้มแข็ง?

แม่เข้าใจได้ดีกว่าใครๆ และอีฟคิดว่าสิ่งนึงที่แม่คิดก็คือเราทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเรารู้เราก็คงไม่ไป

มันมีช่วงเวลาที่เราลังเลเหมือนกันว่าเราจะไปดีมั้ย หรือเราจะอยู่กรุงทเพฯ เราจะยังไงดี

แต่บอกตรงๆ ว่าช่วงนั้นอีฟคิดตรงๆว่าเราคงต้องใส่ใจแม่บ้าง เพราะแม่ก็ค่อนข้างหลายอย่างเหมือนกัน

ได้บอกอะไรคุณพ่อ?

ก็บอกค่ะ ก็พูดกับเขาเหมือนปกติ เขารู้อยู่แล้วแหละว่าเรารักเขาแค่ไหน และอีฟก็รู้ว่าพ่อรักอีฟแค่ไหน

เพราะฉะนั้นอีฟเชื่อว่าถ้ามันเป็นความผิดพลาด พ่อก็ให้อภัยได้ และอี๊ฟก็รู้ว่าพ่อก็รู้ว่าเรามีความตั้งใจอยากไป

เพียงแต่ว่าเขาคงเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยเหลือเกิน และมันก็เกิดเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คาดคิด เช่น เกิดอาการแทรกซ้อนที่มันเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว

ซึ่งสิ่งที่ดีใจมากที่สุดคือเราได้ทำตามสิ่งที่เราตั้งใจกันไว้แต่แรก เราจะไม่ให้พ่อทรมานเลย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทรมาน


คุณพ่อไปสบายไม่มีห่วงอะไรแล้วจริงๆ?

ตอนนี้อี๊ฟไม่ได้คิดว่าพ่อไปไหน อี๊ฟยังคิดว่าพ่อยังอยู่กับเรา พ่อยังรับแขก (ยิ้ม) พ่อรู้ว่าคนที่มารักเขา

เมื่อวานบอกให้เขากลับบ้าน เขาก็กลับเขาก็อยู่ที่บ้านกับเราแล้วก็อยู่ในที่ที่เขามีความสุข อยู่ในที่ที่เขารู้ว่าทุกคนรักเขาแค่ไหน

ทุกอย่างที่ทุกคนส่งมาให้อี๊ฟเชื่อว่าพ่อได้รับแล้วก็ทุกความตั้งใจ ทุกความอาลัยความรักพ่อได้รับ

รวมถึงอันนี้ขออนุญาตแจ้งคนที่ตั้งใจประสงค์จะร่วมทำบุญกับคุณพ่อ

และเป็นความตั้งใจของคุณพ่อเพราะพ่อเป็นคนคนไข้ในพระราชูปถัมภ์

เราได้รับความเมตตาเราก็อยากจะช่วยท่านสานต่อพระปณิธานทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนร่วมทำบุญ

ขออนุญาตนำไปสมทบทุนมูลนิธิภัทรมหาราชนุสรณ์ในพระอุปถัมถ์โรงพยาบาจจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

เพื่อให้ท่านได้ใช้รักษาดูแลผู้ป่วยต่อไป


ขออนุญาตงดรับพวงหรีดแต่ผู้ที่สั่งแล้วก็ต้องกราบขอบพระคุณมากๆ เรารู้ว่าทุกคนตั้งใจแล้วทุกคนก็สั่งทันทีเลยที่ทราบข่าว

แต่ใครยังไม่ได้สั่งสามารถบริจาคไปที่มูลนิธิได้เลย ไม่มีความจำเป็นที่จะมาผ่านทางครอบครัว แค่นี้ก็ถือว่าเราได้ทำบุญร่วมกันแล้ว


ลูกชาย น้องมีบุญ เข้าใจแบบไหน?

มีบุญไม่เข้าใจค่ะ เมื่อกี้เขาก็บอกคุณตาหลับ เมื่อเช้ายังวิ่งตามคุณตาอยู่บ้านอยู่เลย

อี๊ฟถึงรู้ว่าพ่ออยู่ในบ้าน เขาก็อยู่กับเรา เราบอกให้เขากลับบ้านกับเราเขาก็กลับ

คิดว่าสิ่งที่เขาห่วงมากๆก็คือหลาน

เขาคงเป็นห่วงว่าอี๊ฟจะเลี้ยงลูกได้โอเคไหม (ยิ้ม) ซึ่งอี๊ฟก็บอกเขาว่าไม่ต้องห่วงอะไรที่พ่อหมายมั่นจะยกสมบัติให้มีบุญ

ทุกอย่างก็จะเป็นของเขา


ลูกสาวคนเดียวเข้มแข็งและต้องดูแลครอบครัว?

อี๊ฟว่าใครที่ได้รับความรักจากพ่อแม่แบบอี๊ฟได้ก็คงต้องเข้มแข็ง (เสียงสั่น) อี๊ฟไม่ได้เป็นลูกคนเดียวที่อยู่คนเดียว (น้ำตาคลอ)

อี๊ฟเป็นลูกคนเดียวที่รายล้อมด้วยสิ่งที่พ่อแม่สร้างให้ (น้ำตาคลอ)

ดูจากคนที่มาก็ได้ดูคนที่มาช่วยงานเรา ดูพี่ ๆทุกคนก็ได้ (เช็ดน้ำตา)


อี๊ฟไม่เคยอยู่คนเดียวมันทำให้อี๊ฟผ่านช่วงเวลาทุกช่วง ได้ภาพคำว่าอี๊ฟเป็นลูกพ่อกับแม่

นั้นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อให้เราและอี๊ฟก็ภูมิใจกับมัน (น้ำตาคลอ)


คุณพ่อเป็นที่รักของคนทั้งประเทศ?

เมื่อวานนี้อี๊ฟได้รับข้อความและโทรศัพท์เยอะมาก โทรศัพท์อี๊ฟแบตหมดทั้งวันไม่สามารถตอบใครได้เลย คือ

ญาติใกล้ชิด ญาติห่างๆ คนรู้จัก แฟนคลับ คนไม่รู้จักกันเลย ทุกทางเลยที่ส่งมา ส่งมาทางญาติก็มี

สิ่งหนึ่งที่อี๊ฟรู้ตั้งปต่พ่อมีชีวิตก็คือ พ่อเป็นคนที่ให้ความสุขกับคนอื่น

ให้ความรักความเมตตากับเพื่อนร่วมงานในวงการ เขาเป็นคนที่ให้ วันนี้เขาเลยได้รับ ได้รับทุกอย่างเลยที่กลับเข้ามา

และอี๊ฟก็เชื่อว่าพ่อได้รับที่ทุกคนส่งเข้ามา ตั้งแต่ช่วงที่พ่อป่วยก็มีคนส่งข้อความมาตลอด ก็พยายามอ่านให้เขาฟั

 ตอนนั้นอ่านได้ ตอนนี้อ่านไม่ไหว คิดว่าคงไม่ต้องอ่านพ่อคงได้รับเอง ก็ขอบคุณค่ะ (ยกมือไหว้)


หลักการใช้ชีวิตพี่พ่อสอนในภายหน้า?

มีเยอะเลย พ่อสอนจนวันสุดท้าย เยอะมากๆ พ่อเขียนไว้ให้

คนแท้ต้องไม่ท้อ คนท้อไม่ใช่คนแท้

คำนี้เขาเคยเขียนและอี๊ฟจำได้ดี

นอกจากนี้ก็จะมีการสอนการใช้ขีวิต พ่อเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ถ่อมตัว

ไม่เคยคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ อภิสิทธิ์ชนอะไร นั่นคือทให้คนเขารักเขา


อี๊ฟก็เรียนแบบเขา ใช้ชีวิตง่ายๆ เขาสอนให้อี๊ฟรู้ว่าชีวิตคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

พ่ออี๊ฟเริ่มต้นจากศูนย์ ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด

วันหนึ่งปลายทางของชีวิตก็ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น

นี่แหละคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ เขายังสอนอีกว่าความกตัญญูคืออะไร

ตั้งใจเก็บร่างคุณพ่อไว้ 100 วัน?

อันนี้คือแผนก่อนนะคะ อี๊ฟ คิดว่าช่วงนี้มีโควิด คนก็จะทะยอยกันมา

ก็เลยคิดว่าเราอาจจะมีการสวดทุกสัปดาห์ ไปจนกว่าจะครบ 100 วันค่ะ

พลังใจในการสู้กับโรคมะเร็ง?

พ่อมีพลังของทุกคนที่ส่งมา พลังของครอบครัว เป็นแกนกลาง

และเป็นข้อต่อรองว่าจะกินหรือไม่กิน เราจะมีหลานเป็นข้อต่อรอง

กินหน่อยจะได้มีแรงเล่นกับหลายนะ

พ่อเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ แต่ไหนแต่ไรพ่อทำงานดึกแค่ไหนพ่อก็กลับบ้านทุกวัน

กลับมาอุ้มเราตั้งแต่เล็กๆ ก็ทำให้เรารู้ว่ากำลังใจของเขาคืออยากเห็นครอบครัวให้นานที่สุด