ชื่นชุมนุมนักเรียนเก่า เราเทพศิรินทร์
ภาพจาก หนังสือตรงเส้นขอบฟ้า
ขออนุญาตรำลึกถึง "ดร.ประสม สถาปิตานนท์"
สุดยอดลูกแม่รำเพยอีกท่านหนึ่ง อดีตพิธีกร-ผู้เชี่ยวชาญ
เรื่องกอล์ฟแถวหน้าของเมืองไทย เมื่อครั้งยังมีชีวิตพร้อมครอบครัว
ผ่านการเปิดตัวหนังสือของลูกสาว ในเว็บบล็อคสื่อดังแห่งหนึ่ง
ก่อนลาโลกด้วยมหันตภัยส่งท้ายปีเมื่อ 26 ธ.ค.47
"เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยนจนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ
ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่
จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน อยู่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
เติมความคิดสติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด สุขก็เตรียมไว้
ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล จะได้รับความจริงเมื่อต้องเจ็บปวดไหว"
บทเพลง Live And Learn ที่ร้องโดย กมลา สุโกศล ที่สร้างกำลังใจให้กับ ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์
อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งสูญเสียสมาชิกของครอบครัวไปทั้งหมด ๔ คน
ในมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปลายปี ๒๕๔๗ (เช้าของวันที่ ๒๖ ธ.ค.๒๕๔๗)
ประกอบด้วย ดร.ประสม สถาปิตานนท์ ผู้เป็นพ่อ
ขณะเดียวกันเธอสูญเสียคุณแม่(กรรณิการ์)
พร้อมๆ กับ น้องสาว ๒ คน(ฉันท์-กชกร,ฉม-นวมลลิ์)
ทั้งนี่เธอได้ถ่ายทอดเรื่องราวของความสูญเสียครั้งใหญ่
ในชีวิตออกมาเป็นหนังสือ ตรงเส้นขอบฟ้า
เพื่อนำรายได้เข้าโครงการ รักลูกเพื่อสินามิ
ดร.ปาริชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องสาว(ฉม) ได้บัตรฟรีไปดูคอนเสิร์ตของคุณกมลาร้องเพลงนี้แล้วทุกคนกรี๊ด
พอเราได้ฟังแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นบทเพลงที่มีพลังทำให้เห็นชีวิตว่าแท้จริงแล้วก็เหมือนกับการเรียนรู้
รู้จักที่จะยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิต และสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือ การทดสอบที่โลก หรืออะไรก็แล้วแต่
ส่งมาหยั่งความแข็งแกร่งของมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า และใครจะรู้เล่าว่าต่อมาไม่นานเท่าไหร่
เพลงนี้กลับมาช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจอย่างที่สุด
จากเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดของชีวิต ทำให้เข้าใจสัจจะธรรมเรื่องความตายว่าเป็นเรื่องของกฎธรรมชาติ
เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับจนเป็นเรื่องปกติ วันหนึ่งการสูญเสียได้เกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้ได้
หลักธรรมที่นำมาใช้ในสองส่วนนี้คือ
ส่วนแรกเชื่อในคำสอนของแม่ชี ศันสนีย์ เสถียรสุต
เสถียรธรรมสถาน การที่เราได้มีโอกาส
มาร่วมบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้
ขอให้ท่านปล่อยจิตตามสบายแล้วพิจารณา
ให้เห็นความจริงของชีวิตว่า
เมื่อมีการเกิดเราก็มิอาจปฏิเสธการตายได้
เราได้การตายมาพร้อมกับการเกิด
อยู่ที่ว่าเราไม่อาจรู้ว่าจะตายเมื่อไรและโดยวิธีใด
ขอจงอย่าประมาท ให้พิจารณาถึงความตายอยู่เนืองๆ
เพื่อเราจะได้ไม่มีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น
เพราะมัวแต่หลงอารมณ์ ขอให้ทำชีวิตที่เหลือ
ให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งความดี ความงาม
และความจริงของบิดามารดา
และน้องสาวที่ล่วงลับไปแล้ว และจงมีชีวิตที่สงบเย็น
และเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวางไมมีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
แม่ชียังบอกว่าทุกข์มีไว้ให้เห็นไม่ได้มีไว้ให้เป็น
ดังนั้น วันนี้พยายามจะทำตัวเองไม่ให้เป็นทุกข์
พยามยามทำความเข้าใจที่มาที่ไปว่า
เกิดอะไรอย่างมีเหตุมีผลของเหตุการณ์สึนามิ
พอเราตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดเฉพาะครอบครัวเรา
เราก็จะเริ่มเห็นว่าสิ่งนั้นก็เกิดกับครอบครัวคนอื่นด้วย
ดร.ปาริชาติ บอกด้วยว่า
ความสูญเสียและความทุกข์เกิดขึ้น
กับทุกคนและทุกครับครัว
ไม่ว่าครอบครัวเรา ครอบครัวคนอื่น ไม่ใช่แค่สิบ
แต่มีผู้ประสบภัยแบบเราเป็นหมื่นครอบครัว
ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยแต่หลายประเทศ
ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ
พอมองย้อนกลับมายังครอบครัวของเรา จึงกลายเป็นเรื่องเล็ก ที่เกิดท่ามกลางเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
และพอเราคิดได้แบบนี้ทำให้เรามีสติไม่ตกอยู่ในความทุกข์
มีสติไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเสมอไป
การมีสติแล้วมีสะท้อน ก็คือ เป็นการตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ที่ผ่านมาเป็นอย่างไง เราได้เรียนรู้อะไรใหม่บ้าง
เราจะทำอะไรให้มันดียิ่งขึ้นได้ เมื่อตั้งคำถามก็พยายามหาคำตอบ
ตัวสะท้อนเป็นภาวะที่สำคัญเป็นจังหวะที่ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง
พออยู่กับตัวเองได้มากจึงถามตัวเองว่าจะทำอะไรต่อไป
ต้องการทำอะไร เป้าหมายของเราคืออะไร
ทุกวันนี้ก็ไม่ลืมที่ทำอาหารที่ทุกคนชอบใส่บาตรทุกเช้า
"คนเราเกิดมาสุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย
บางคนอาจจะไปยึดกับลาภยศสรรเสริญ
ชื่อเสียงเงินทอง ในที่สุดเราก็ไม่สามารถเอาอะไรไปได้
เพราะฉะนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนยังยึดติดอยู่
แต่ถ้าใครลองเจอเหตุการณ์แบบตัวเอง
ก็คงไม่อยากยึดติดอะไรอีกแล้ว
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บอกว่า ความยิ่งใหญ่คือ
ความไม่ยั่งยืน ความไม่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือ ชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตา และกตัญญู" ดร.ปาริชาติ กล่าวทิ้งท้าย
"เมื่อมีการเกิด เราจะปฏิเสธการตายมิได้ เราได้การตายมาพร้อมกับการเกิด
อยู่ที่ว่าเราไม่อาจรู้ว่าจะตายเมื่อไรและโดยวิธีใด ขอจงอย่าประมาท"
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง/ภาพ ณัฐพงศ์ จีรังสวัสดิ์