Custom Search

Aug 26, 2018

"โอม-ชาตรี"เล่าถึงที่มาคอนเสิร์ต รำลึก"เต๋อ-เรวัต"ผู้สร้างวงการเพลงไทย


เพราะเคยร่วมงานและประทับใจในตัวพี่ชายคนเก่ง เต๋อ-เรวัต นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้บุกเบิกและสร้างตำนานแห่งวงการเพลงไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาเป็นปีครบรอบ 20 ปีแห่งการจากไป เพื่อเป็นการรำลึกถึง “ผู้สร้างของผู้สร้าง” โปรดิวเซอร์คู่ใจอย่าง “โอม-ชาตรี เลยขอนำผลงานเพลงชิ้นสุดท้ายของเต๋อจากอัลบั้ม อะไลฟ์ มาเล่นในคอนเสิร์ต

เพราะเคยร่วมงานและประทับใจในตัวพี่ชายคนเก่ง เต๋อ-เรวัต พุทธินันทน์ นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้บุกเบิกและสร้างตำนานแห่งวงการเพลงไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาเป็นปีครบรอบ 20 ปีแห่งการจากไป เพื่อเป็นการรำลึกถึง “ผู้สร้างของผู้สร้าง” โปรดิวเซอร์คู่ใจอย่าง “โอม-ชาตรี คงสุวรรณ” เลยขอนำผลงานเพลงชิ้นสุดท้ายของเต๋อจากอัลบั้ม อะไลฟ์ ที่ยังไม่เคยมีใครได้ฟังที่ไหนมาเล่นในคอนเสิร์ต “ทรู และ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ พรีเซ็นต์ ชาตรี ไลฟ์ เรวัต ฟอร์เอฟเวอร์” ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. เวลา 17.00 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน วันนี้ “ศิรินทร์” เลยชวนพี่โอมมานั่งพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของคอนเสิร์ตนี้ พร้อมอัพเดทชีวิตและผลงานในปัจจุบัน รวมถึงแชร์มุมมองในวันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อวงการเพลงมากที่สุด เป็นอย่างไร ติดตามในบทสัมภาษณ์กันได้เลยจ้า

จุดเริ่มต้นของคอนเสิร์ตครั้งนี้มีที่มาอย่างไร?

ก่อนที่พี่เต๋อจะจากเราไป ผมกับพี่เต๋อได้ร่วมกันทำอัลบั้ม “อะไลฟ์” ซึ่งเป็นอัลบั้มที่พี่เต๋อเลือกเอาเพลงที่ดีที่สุดมาเรียบเรียงดนตรีใหม่และเปลี่ยนวิธีการร้องให้หนักแน่นขึ้น แต่ก็ไม่ทันได้ปล่อยออกมาให้ฟังกัน กระทั่งครบรอบ 20 ปีแห่งการจากไปของพี่เต๋อ ผมก็เลยคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ศิลปินที่เคยทำงานร่วมกับพี่เต๋อว่าอยากจะเอาผลงานชิ้นนี้ กลับมานำเสนอในรูปแบบคอนเสิร์ตร่วมสมัยผ่านมุมมองของพี่เต๋อ เสมือนว่าพี่เต๋อมากำกับโชว์บนเวทีนี้ด้วย แฟนเพลงรุ่นเก่าก็จะดื่มด่ำกับเสียงเพลงและบรรยากาศเก่า ๆ ส่วนแฟนเพลงรุ่นใหม่ก็จะได้เห็นพลังทางดนตรีของพี่เต๋อด้วยครับ”

ความประทับใจที่มีต่อพี่เต๋อ เมื่อครั้งทำงานร่วมกันเป็นอย่างไรบ้าง?

ประทับใจทุกอย่างครับ (ยิ้ม) พี่เต๋อเป็นสุดยอดผู้นำที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนร่วมงาน เป็นผู้ชายรักครอบครัว มีความหนักแน่นในการตัดสินใจ มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงวงการเพลงให้ดีขึ้น เวลามีปัญหาพี่เต๋อจะไม่เสียเวลาบ่น แต่จะสร้างสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้น พี่เต๋อไม่สอนแต่จะทำให้เห็น ให้เราได้เรียนรู้ตลอดเวลา พี่เต๋อคือบุคคลตัวอย่างที่เวลาทำอะไรสักอย่างต้องทำให้ดีและมีคุณภาพ จะไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ พี่เต๋อคือนักดนตรีที่สร้างผลงานร่วมกับงานด้านการตลาด ถ้าพี่เต๋อไม่จากเราไปซะก่อนคงสร้างความสำเร็จใหญ่โตอีกหลายอย่างและวางรากฐานที่ดีให้งานเพลงยุคใหม่ของบ้านเรา พี่เต๋อคือผู้สร้างของผู้สร้าง สร้างคนหนึ่งให้ไปสร้างคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ อย่างแท้จริงครับ”

วงการเพลงบ้านเราในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?

วงการเพลงเปลี่ยนไปเยอะตามยุคสมัย รายได้จากการทำเพลงเปลี่ยนไปอยู่ในโซเชียลมีเดียสปอนเซอร์ก็เปลี่ยนไปสนับสนุนงานในรูปแบบนั้น เราต้องกำหนดว่าเราอยู่ในแนวทางไหนของอาชีพนี้ ต้องเข้าใจในความเป็นไป จะไปย้อนแย้งกับสิ่งที่เป็นไปก็คงทำได้ยาก สำหรับผมวงการเพลงยังคงมีสีสัน แต่ช่องทางการสร้างรายได้เปลี่ยนไป ยอดวิว ยอดแชร์เป็นการสะท้อนการมีส่วนร่วมกับมวลชน การมีคนดูเยอะ ๆ มีคอมเมนต์โต้ตอบกลับมา วัดความสำเร็จได้ในทางหนึ่ง เป็นกลไกการตลาดรูปแบบหนึ่งที่จับต้องได้ แต่ที่จะวัดว่าศิลปินดัง ดี มีคุณภาพ ยังต้องใช้มาตรฐานอื่น ซึ่งบ้านเรายังไม่มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน อาจจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรครับ แค่เล่นแล้วมีความสุข มีรายได้บ้าง ไม่ต้องไปตั้งเงื่อนไขเยอะ แต่ถ้าเรามีเงื่อนไขเยอะก็ต้องปรับความเข้าใจให้ไปกับโลก”

ในมุมมองของเราศิลปินต้องปรับตัวอย่างไรกันบ้าง?

ผมมองว่าศิลปินแบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือศิลปินรุ่นก่อนที่ยังอยู่เป็นเสาหลักของวงการและศิลปินรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งความต่างด้านประสบการณ์และความคิดของศิลปินทั้ง 2 ยุคกลายเป็นเสน่ห์ในการทำงานร่วมกัน ทำให้เพลงบ้านเรามีสีสัน คนรุ่นเก่าต้องทำความคุ้นเคยเทคโนโลยีใหม่ อุปกรณ์การทำงานด้านดนตรีที่ทันสมัยขึ้น และเปิดใจยอมรับที่จะอยู่ร่วมกับคนรุ่นใหม่ จะได้รู้ว่าทำไมคิดแบบนี้ เขาฟังเพลงแนวไหนอยู่ก็ลองฟังกับเขา จะได้ไม่ตกเทรนด์ ข้อดีของเทคโนโลยีคือมันครอบคลุมทั่วโลก ส่วนข้อเสียคือทำให้คนลืมที่จะพัฒนาตัวเอง ดังนั้นเมื่อเราเปิดใจรับเอาสิ่งใหม่เข้ามาแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองควบคู่กันไปด้วย อายุเป็นเพียงตัวเลข คนรุ่นเก่าต้องไม่ทำตัวแก่นะครับ (หัวเราะ)”

เหตุผลที่ทำให้ยังทำเพลงอยู่จนถึงทุกวันนี้?

เพราะมีใจรักในเสียงดนตรีและอยากอยู่ตรงนี้ต่อไป ทุกวันนิ้สิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุดของวงการเพลงคือเทคโนโลยี ถ้ามัวแต่คิดว่ามันไกลตัวจนเราตามไม่ทันก็จะตามไม่ทัน แต่ถ้าเราพัฒนาตัวเองตามความเปลี่ยนแปลงโดยไม่ตั้งแง่ก็จะไปกับเขาได้ โชคดีที่ผมตามเทคโนโลยีเรื่อย ๆ เลยไม่รู้สึกว่ากำลังวิ่งไล่ตาม สนุกกับเสียงดนตรีภายใต้ชื่อบริษัท “มิสเตอร์ มิวสิค” ที่เน้นงานด้านมิวสิกโปรดักชั่น พยายามหาวัตถุดิบใหม่ ให้เวลาตัวเองทบทวนสิ่งต่าง ๆ และยอมรับสิ่งใหม่ เวลาทำเพลงจะได้รู้สึกเหมือนตอนหนุ่ม ๆ กลับคืนสู่วงการด้วยการเล่นคอนเสิร์ต แต่งเพลงที่เป็นตัวเราเองเก็บไว้รอจังหวะหยิบยื่นให้คนรุ่นใหม่ชื่นชมและยอมรับในตัวเรา เหมือนเป็นการแนะนำตัวเองกับคนในอีกเจนเนเรชั่นหนึ่ง ได้รู้จักด้วยครับ”

วงการเพลงต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน?

ไปตามสากลนี่แหละครับ เขาเป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น พื้นฐานวัฒนธรรมบ้านเรามีความเป็นผู้ตามสูง ตามกระแสโลกทุกอย่าง ต่อไปเพลงอาจจะเป็นแนวทางต่างประเทศแต่ร้องเป็นภาษาไทย งานที่เป็นเอกลักษณ์ของเราจริง ๆ จะมีน้อย ดังนั้นผู้ตามที่ดีควรเรียนรู้และเอาสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนา ผมเชื่อว่าในอนาคตเด็กรุ่นใหม่ก็คงอยากจะเอาวัฒนธรรมบ้านเราไปเผยแพร่สู่สากลได้ เพียงแต่วันนี้เรายังเพลินกับการเป็นผู้ตามและรักความสบายอยู่ ทำให้วงการเพลงบ้านเรานิ่ง ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราตั้งเป้าหมายอยากจะทำให้งานออกมาดี วงการเพลงจะกลับมารุ่งเรืองอีก ดูอย่างเกาหลีเมื่อก่อนเพลงบ้านเขาก็ไม่ได้เฟื่องฟูขนาดนี้ แต่ที่เขาประสบความสำเร็จ เพราะศิลปินทำงานหนัก ตั้งเป้าหมาย และตั้งใจฝึกซ้อมหนักหน่วง ผมก็เชื่อว่าเราก็สามารถทำเหมือนเขาได้เช่นกันครับ”

ในฐานะรุ่นพี่มีอะไรอยากจะแนะนำศิลปินรุ่นน้องไหม?

บ้านเราเป็นวงการที่เปิดรับมากกว่าที่จะนำเสนอ ในเมื่อรับแล้วก็อยากให้น้อง ๆ เอามาพัฒนาและสร้างผลงานต่อไป แสดงความสามารถของเราให้เต็มที่ อย่ารอโอกาสแต่จงมีความกระหายที่จะหยิบยื่นงานของเราสู่คนฟัง ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ก็จะสามารถพัฒนาวงการเพลงของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ ที่สำคัญอย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นเงื่อนไขในการทำงานมากเกินไป ไม่อย่างนั้นเราอาจจะเบื่อและหมดไฟไปก่อนได้ หวังว่าพลังคนรุ่นใหม่จะทำให้วงการของเราพัฒนาแบบก้าวกระโดดได้ในไม่ช้าครับ”

สุดท้ายฝากอะไรถึงคอนเสิร์ตและแฟน ๆ ที่ยังคงรักและติดตามเรามาตลอดสักนิด?

ผมเชื่อว่าโอกาสดี ๆ ไม่ได้มีบ่อย คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะมาร่วมย้อนรำลึกถึงพี่เต๋อกันครับ ผมอยากจะเชิญชวนแฟน ๆ ทุกท่านมาร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษนี้ด้วยกัน พวกเราจะทำโชว์ออกมาให้ดีที่สุด แล้วมาเจอกันวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 60 นี้ ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน เวลา 17.00 น. แล้วก็ฝากผลงานอื่น ๆ ในอนาคตของผมด้วย ยังไงก็อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ศิลปินไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามด้วยครับ”


จากการนั่งพูดคุยกับ “โอม-ชาตรี” ในครั้งนี้ เราได้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดคอนเสิร์ตสำคัญครั้งนี้ รวมทั้งได้เห็นมุมมองของนักดนตรีตัวจริง ที่แม้ไม่ใช่คนหนุ่มรุ่นใหม่ แต่ก็ยังพัฒนามุมมอง ความคิด และการทำงานให้สดใหม่อยู่เสมอ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงยังคงยืนหยัดในวงการเพลงได้จนถึงปัจจุบัน ฝากแฟน ๆ เป็นกำลังใจและรีบจองตั๋วไปสนุกในคอนเสิร์ตนี้ด้วยนะ.