Custom Search

Apr 26, 2012

พิชัย วาศนาส่ง



( 8 เม.ย.2555 )เราได้สูญเสียกูรูผู้รอบรู้บุคคลสำคัญ

อาจารย์พิชัย วาศนาส่ง ในวัย 82 ปี ด้วยโรคชรา 

อาจารย์พิชัยได้เคยให้สัมภาษณ์กับ " คมชัดลึก "

ก่อนถึงแก่กรรมถึงความห่วงใยที่มีต่อประเทศชาติในยามนี้ว่า......

    " ประชาชนต้องไม่หูเบา ต้องดูมรรค 8 ให้เป็นฐานหากไม่ใช้มรรค

ตัดสินก็ไม่รู้ว่าใครมีมิจฉาทิฐิ  หรือสัมมาทิฐิ....คนจบปริญญาเอกมี

อยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง

      ทำไมบ้านเมืองถึงยุ่ง เพราะสัมมาทิฐิกับสัมมากัปปะไม่มี เอาวิชา

มาเป็นเครื่องในการหากินเอาเปรียบคนอื่นเขา สังคมเดี๋ยวนี้ไม่ได้ดูว่า

ใครดีใครชั่ว แต่เชื่อการชักจูง...ใตรพูดที่มีโลจิกดีก็เชื่อไปตามที่เขา

บอก มันจะแดงจะเหลืองหรืออะไรก็ไม่รู้ วันนี้ผมใส่เหลือง แต่ผมไม่ยุ่ง

กับอะไรทั้งนั้น แต่ผมอยู่กับสัจธรรมเท่านั้นเอง " 

ที่มา : มติชนออนไลน์





"ข้างครู" เป็นมากกว่าประวัติชีวิตของพิชัย วาศนาส่ง

ในวาระครบรอบ 80 ปี  พิชัย  วาสนาส่ง  นักคิดนักเขียน
เรื่องราวของเขาถ่ายทอดผ่าน หนังสือชื่อ " ข้างครู "
ซึ่งนักอ่านจะได้รู้จักกับชายผู้ที่คร่ำหวอดในทุกวงการของประเทศและ
ทุกบทในหนังสือยังสอดแทรกหลักการดำเนินชีวิตที่ประสบความ
สำเร็จของเขาด้วยติดตามรายงานได้จาก
คุณ กวินทรา  นาวิกนันทน์
ช่วงชีวิต 80 ปีที่ผ่านมาของพิชัย  วาสนาส่ง นักคิด นักเขียน
อดีตสมาชิกวุฒิสภาและครูของคนดังในประเทศไทย
ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะถึงวันนี้
เขาต้องดิ้นรนใฝ่หาความรู้ ด้วยการอ่าน ลองผิด ลองถูก
จนรู้ลึกในเรื่องราวของศาสตร์และศิลป์แต่ละแขนง
และเป็นที่นับน่าถือตาของบุคคลทุกวงการ
ชายคนนี้  เปรียบเหมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ ที่ทุกคนสามารถขอคำ
ปรึกษาได้ไม่ว่าจะเป็นด้านสถาปัตยกรรม การวางผังเมือง
ธุรกิจภาษา โฆษณา หรือประชาสัมพันธ์
ทั้งยังรอบรู้แม้กระทั่งเรื่องกล้อง การใช้แสงและสี
รวมถึงเป็นนักเขียนฝีมือดีคนหนึ่งของไทยด้วย
เรื่องราวที่น่าศึกษา และเจริญรอยตามนี้
ทำให้ ปวีณา สิงห์บูรณา 1 ใน ลูกศิษย์ของครูคนนี้
ถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจลงในหนังสือที่ชื่อ " ข้างครู "
ซึ่งผู้เขียนบอกว่าแตกต่างจากหนังสืออัตชีวประวัติของบุคคลทั่วไป
เพราะเป็นการสะท้อนมุมมอง  และแนวคิด ที่พิชัย วาสนาส่ง
ใช้ในการดำเนินชีวิตตลอดมา   ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านได้พบกับคำตอบ
ที่น่าประทับใจและรู้สึกอบอุ่นไปพร้อมกัน
" ไม่ได้ขออะไรจากลูกๆมาก ขอเพียงให้เป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต
รู้จักธรรมะ ไม่คดโกง เท่านี้
พ่อกับแม่ก็พอใจแล้ว " เป็นประโยค
ที่ยังคงก้องอยู่ในใจของพิชัยเสมอมา
เพราะเป็นคำขอที่พ่อบอกไว้  และเขายึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
จนประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้
พ่อ ของเขายังเป็นต้นแบบที่ดี
โดยเฉพาะเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
จนเข้ารับราชการทหารได้   และการนำหลักธรรมะมาใช้
เพื่อความพอเพียงของชีวิต
ซึ่งเมื่อพิชัย ประสบความสำเร็จ  และได้เป็นครูของลูกศิษย์
เขาก็ยังพร่ำสอนหลักการเหล่านี้อยู่เนื่อง ๆ
จึงกลายเป็นที่รักและเป็นต้นแบบของลูกศิษย์ที่ผ่านมือครูผู้นี้
อีกหลายคน
บทบาทในชีวิตตลอด 80 ปีที่หลายคนอาจคุ้นหูกับชื่อ
พิชัย วาสนาส่ง อาจเป็นช่วงที่เขาเดินบนเส้นทางการเมือง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา
คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูสานนท์
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งตำแหน่งนี้ทำให้พิชัยได้เดินทางไปเปิดโลกกว้างในหลายๆประเทศ
ทั่วโลกและพบปะผู้นำระดับชาติของหลายประเทศ
รวมไปถึงเติ้ง เสี่ยวผิง อดีต ผู้นำของจีนด้วย
แต่ตำแหน่งต่างๆที่ได้รับพิชัยบอกว่า ไม่ยั่งยืนเท่ากับ
เป็นนายพิชัย  วาสนาส่งเพราะเมื่อวันหนึ่งที่ไม่ได้ทำ
เขายังคงเป็นตัวเอง เป็นครูของลูกศิษย์
ที่ไม่มีใครสามารถเอาคืนได้
และนี่คือสัจธรรมอีกข้อหนึ่งที่พิชัยใช้ในการดำรงชีวิตเสมอมา





ที่มา : Voice TV