Custom Search

Jun 18, 2011

ความสุขโดยสังเกต : ตอนที่ 2


คุณค่าที่ คุณคู่ควร
มติชน http://www.matichon.co.th
วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผมเพิ่งได้เห็นกับตาว่าโลกนี้มีคนปั้นขี้ให้เป็นทองของจริง!
คนผู้นั้นคืออุดม แต้พานิช
เดี่ยวแปดครั้งนี้เขานำขี้มาปั้นเป็นทองแล้วนำไปกองเต็มเวที
ผมกล่าวในเชิงเปรียบเปรย ท่านผู้อ่านอย่าได้คิดภาพตามไปไกล
จนกลิ่นคลุ้งอวลจมูกขนาดนั้น

รีบหายใจระบาย กลิ่นในจินตนาการออกมายาวๆ ซะก่อนแล้วค่อยอ่านต่อ
ฟืด...ฟาด...ฟืด...ฟาด...
คิดว่าน่าจะสบายจมูกแล้วใช่ไหมครับ เอาละเรามาว่ากันต่อ
ที่ว่าพี่โน้สนำขี้มาปั้นนั้นหมายความว่า ตลอดสองชั่วโมงกว่า
ของการเดี่ยวไมโครโฟนครั้งนี้มี ขี้

เป็นแกนหลักในการแสดง แม้จะเป็นแกนที่กลิ่นโชยฟุ้งไปทั่วฮอลล์
แต่คนดูก็หัวร่อกันจนกล้ามขึ้นพุง

พี่โน้สเล่าเรื่องราวของการขับถ่าย ไล่ตั้งแต่ญี่ปุ่น,จีน, อินเดีย
แล้วจึงวนกลับมาลงจอดที่บ้านเรา

ได้เห็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมผ่านการขับถ่าย
มิเพียงได้เห็น ยังได้กลิ่นด้วย!
อย่างที่ญี่ปุ่น พี่โน้สเล่าว่าเขาประทับใจระบบทำความสะอาดของชักโครกที่นั่นมาก
เพียงกดปุ่มก็จะมีก้านฝักบัวยื่นออกมาฉีดน้ำให้สำราญก้น
แถมยังเลือกปรับระดับความแรงได้ตามต้องการ
ชอบแบบร็อก, ป๊อป หรือบอซซ่า ก็สามารถเลือกได้
ส่วนในประเทศจีน เมื่อเขาเดินเข้าห้องน้ำไปก็เจอเข้ากับส้วมแบบนั่งยองๆ
โชคดีที่มีประตูปิด

(เราต่างรู้กันดีว่าส้วมสาธารณะในจีนส่วนใหญ่ยังอ้าซ่า)
แต่พอพี่โน้สนั่งยองๆ ลงไป ก็ปรากฏว่าประตูที่มีนั้นดันยาวไม่ถึงพื้น!
มันเปิดช่องให้ส่องเห็น ของสำคัญ พอดิบพอดี
จะว่าไม้หดก็ไม่น่าใช่
แต่ด้วยความอัดอั้นภายในจึงไม่สนใจว่า
ใครจะมองลอดเข้ามาเห็นของสำคัญหรือ ไม่

พี่โน้สตัดสินใจทำธุระต่อไป และทุกสิ่งคงจะราบรื่น
ถ้าไม่มีไม้ถูพื้นยื่นเข้ามาระหว่างที่เขากำลังนั่งระบายความทุกข์ลงโถส้วม
ลำพังนั่งขี้แล้วมีไม้ถูพื้นแหย่เข้ามาทักทายตลอดเวลาก็ว่าแย่แล้ว
แต่เท่านั้นยังไม่พอ ไม้ถูพื้นนั้นมาพร้อมน้ำร้อน
ที่กระเซ็นกระเด็นกระดอนขึ้นมาโดน
ของสำคัญŽ

จนต้องกระโดดหนี!
ฟังแล้วสำนวน ขี้หดตดหาย ก็ลอยขึ้นมาในหัว
ไม้ถูพื้นนั้นถูเข้าถูออกอยู่หลายรอบ
พี่โน้สก็ต้องยงโย่ยงหยกหดเข้าหดออกอยู่หลายรอบเช่นกัน
ฟังเขาเล่าประกอบท่วงท่าแห่งความลำบากแล้วผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
มิใช่สงสาร แต่ฮากลิ้ง
ผมชอบตอนพี่โน้สเล่าเรื่องเพื่อนสาวชาวฝรั่งที่ชื่อเอมิลี่
เธอบอกว่าวันที่กลับบ้านเธอจะนำของสิ่งหนึ่งติดมือกลับไปด้วย
เพื่อเป็นที่ระลึกเวลานึกถึงเมืองไทย
รู้ไหมครับว่า ของ ที่ว่าคืออะไร
มันคือ ขัน
ขันที่เราเห็นเป็นสิ่งธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาในลูกนัยน์ตาน้ำข้าวของฝรั่ง
ฝรั่ง-ผู้ไม่เคยใช้น้ำล้างก้น!
ปกติเขาใช้ทิชชู่เช็ดก็เป็นอันเสร็จพิธี
แต่พอมาเมืองไทย เอมิลี่ไม่มีทิชชู่ให้เช็ด
หันซ้ายขวาหน้าหลังก็เจอแต่กระบะใส่น้ำทรงสี่เหลี่ยมที่ตั้งไว้ข้าง
ผนังห้องน้ำ
ในนั้นมี ขัน อยู่หนึ่งใบ
เอมิลี่เกาหัวสีทองของเธอแกรกๆ นึกในใจ-เอาไงกับมันดี
พี่โน้สบอกว่า คนไทยอาจจินตนาการไม่ออกว่าการใช้ขัน
ทำความสะอาดหลังขับถ่ายมันยากเย็นตรง ไหน
แต่ขอให้แทนตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้ล้างก้นด้วยการใช้ขันมาตั้งแต่เกิด
แล้วจะเข้าใจเอมิลี่มากขึ้น

เอมิลี่ผู้ไม่เคยใช้ขัน ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาด้วยมือขวา
อีกมือที่เหลืออยู่ เธอถามตัวเองว่า-เราต้องใช้มันทำอะไร (วะ)
เธอหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จึงปล่อยให้มันว่างอยู่อย่างนั้น
แล้วจัดแจงใช้ขันกวักน้ำ แล้วอาศัยกฎแห่ง
แรงกระแทก สาดน้ำเพื่อชำระล้างอย่างรุนแรง
เพื่ออัดกระแทกสิ่งสกปรกให้สะเทือนแตกกระสานซ่านเซ็นออกไปให้หมด
ซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่า-ครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอเดินออกมาด้วยสภาพเหมือนเพิ่งเดินผ่านถนนข้าวสารช่วงสงกรานต์
เปียกปอนไปทั้งตัว
ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเพียงเข้าไปขี้!
วันเวลาผ่านไป เอมิลี่ฝึกฝนการใช้มือหนึ่งจับขันอีกมือหนึ่งช่วยขัดถูจนเอาอยู่แล้ว
แต่เธอก็ยังไม่พ้นเคราะห์กรรมเรื่องการขับถ่าย
เธอไปเจอเข้ากับ ขันผูกเชือก
เธอไม่เข้าใจว่าจะผูกเชือกขันไว้ทำไม มันใช้ไม่สะดวก
แต่คนไทยอย่างเราย่อมเข้าใจดี ห้องน้ำบางที่กระบะใส่น้ำ
ของห้องน้ำสองห้องจะเชื่อมถึงกัน

และบางทีที่เราทำธุระเสร็จแล้วก็ต้องเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
เมื่อหันมาที่กระบะแล้วพบว่า ขัน

ไม่ได้อยู่ที่ห้องของเรามันลอยละล่องอยู่ในห้องข้างๆ!
นั่นเอง ห้องน้ำสาธารณะจึงต้องมี เชือก เอาไว้ให้สาว ขัน มาใช้ได้ทันท่วงที
อีกเหตุผลที่พี่โน้สบอกกับเอมิลี่คือ ที่ต้องผูกเชือกไว้เพราะเขากลัวคนขโมยขัน
เอมิลี่ฟังแล้วทำหน้าเหมือนเห็นมนุษย์ต่างดาว ขโมยขัน!
เอมิลี่ร้องเสียงหลง มันจะขโมยไปทำมายยย
ผ่านพ้นไปสองด่าน นึกว่าจบหลักสูตรล้างก้นแห่งประเทศไทยแล้ว
แต่ยัง...ยังไม่จบ
เอมิลี่ยังต้องพบกับ ขันเจาะรู อีก!
เอมิลี่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเอาขันไปเจาะรู
พี่โน้สใช้คำอธิบายเดิม เขากลัวคนขโมยขัน
ถ้าขโมยไปมันจะได้ใช้ไม่ได้

เอมิลี่ทำตาถลึงแล้วพูดสวนกลับมาทันที
แต่มันยังไม่ทันขโมย
เราก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน!!!

ทุกครั้งที่เธอวักน้ำขึ้นมา ก่อนที่ขันจะเดินทางมาถึงจุดหมาย
น้ำก็ไหลออกจากรูไปหมดแล้ว

โธ่...เอมิลี่ผู้น่าสงสาร
ผมนั่งฟังเรื่องขี้ๆ ที่ไม่ใช่ขี้ๆ ของพี่โน้สแล้ว
รู้สึกเพลิดเพลินเจริญกระเดือกเป็นยิ่งนัก

คนดูเต็มฮอลล์ที่นั่งฟังนั่งดูอยู่ด้วยกันก็ส่งเสียงฮาจนลืมกลิ่นเหม็น
จากขี้ที่ผู้คนรังเกียจ อุดมสามารถนำมันมาปั้นเป็นเรื่องเป็นราวให้คนมีความสุข
คำนวณค่าบัตรคูณจำนวนรอบก็ต้องบอกว่าเป็นการ ปั้นขี้ให้เป็นทอง ของจริง
แต่ผมเดาว่าสิ่งที่ดึงดูดให้พี่โน้สเปิดเดี่ยวครั้งแล้วครั้งเล่าอาจไม่ใช่
เงินเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นความสุขที่เขาได้รับจากเสียงหัวเราะของคนดู
ผ่านไปสามชั่วโมงกว่า เมื่อถึงช่วงท้ายของการแสดง
พี่โน้สบอกกับผู้ชมว่า

ผมยังไม่อยากเลิกการแสดงเลย จริงๆ นะ
เวลาได้ยินพวกคุณหัวเราะกันแล้ว
ผมรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์มากเลย

คนดูหัวเราะขำ
พูดจริงๆ ครับ ช่วงที่หยุดเดี่ยวไปหลายปี
ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าอะไรกับโลกใบนี้เลย
แล้วพี่โน้สก็ชวนคนดูมาดูเดี่ยวเล็กๆ ที่จะจัดขึ้นในครั้งหน้า
อาจไม่ต้องเสียตังค์เยอะ
แต่จัดเพราะเขาอยากเล่าเรื่องสนุกๆให้คนดูได้ฟังกัน

ผมว่านั่นเป็นความสุขของคนทำงาน
ความสุขที่ได้รู้ว่าการงานของเรามีประโยชน์กับผู้อื่น
นักแสดงได้ยินเสียงคนดูหัวเราะ,
แม่ครัวได้เห็นคนเคี้ยวข้าวผัดอย่างเอร็ดอร่อย,
จราจรได้เห็นรถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว,
หมอได้เห็นคนไข้อาการดีขึ้น,
ครูได้เห็นลูกศิษย์เติบโตเป็นคนมีคุณภาพ,
สถาปนิกได้เห็นคนเข้าไปใช้สอยอาคารพร้อมรอยยิ้ม ฯลฯ
ความสุขที่พ้นไปจากเงินหรือรายได้คือ คุณค่าŽของการงานนั้น
คุณค่า ต่อผู้อื่น
ซึ่งถ้าใครหาเจอ เขาก็จะรู้สึกดีกับสิ่งที่ตัวเองทำและ
อยากทำมันโดยไม่รู้สึกอ่อนล้า

มิใช่หรือว่า สิ่งที่ทำให้เรายังอยากตื่นมาทุกวันก็คือ
การได้รู้ว่าตัวเองยังมีความหมาย กับโลกใบนี้
ท่านพุทธทาสเคยกล่าวคำเตือนใจเอาไว้ว่า
อยู่โดยไม่ต้องมีความรู้สึกว่าเราดี เด่น ดังอะไรเลย
เพียงแต่รู้สึกว่าเราเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง
นั่นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้

ผมคิดว่าการงานทุกอย่างมีคุณค่า
และสำหรับคนที่มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองทำ
คนคนนั้นคงเป็นคนที่มีความสุข