Custom Search

May 27, 2007

'ความรักที่แท้จริง' นั้นเป็นอย่างไร : Dr. Varakorn Samakoses

รศ. ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ

ผมได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งมีชื่อว่า
"SELF ESTEEM และความรัก" ของ
ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล
นักจิตวิทยามีชื่อของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบมาก

จนขออนุญาตนำมาลงให้อ่านกัน
ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล อยู่ในวัยใกล้ 50 ปี เป็นโค้ชและเป็นนักเทนนิสตัวยง
เป็นเพื่อนนักวิชาการด้านจิตวิทยาที่ผมให้ความนับถือมาก

อาจารย์ได้ริเริ่มสอนแนวคิด "รักมนุษย์" แก่ผู้คนและเยาวชนมายาวนาน
ลองอ่านดูนะครับว่าท่านรู้สึกอย่างไร

ความรักคืออะไร
เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันยังจำได้ว่า
ความรักหมายถึง ความต้องการที่จะให้คนอื่นมาชอบฉัน
ยอมรับฉัน.... ชื่นชมในตัวฉัน
ฉันต้องการความรักจากพ่อแม่...คนเลี้ยงและคนรอบข้าง


ฉัน พยายามทำตัวเป็นเด็กดี ปฏิบัติตัวตามคำสั่งของพ่อ แม่ ครู-อาจารย์
เพื่อที่ พ่อ แม่ ครู อาจารย์จะได้รักฉัน


ฉัน พยายามสอบให้ได้คะแนนดีที่สุดในชั้น
เพื่อให้ พ่อ แม่ครู อาจารย์ ชื่นชมในตัวฉัน

ฉัน พยายามเล่นกีฬาให้เก่ง เพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รักของเพื่อนๆ ฉัน พยายามทุกวิถีทางที่จะเป็นที่รักของ พ่อ แม่ ครูอาจารย์
รวมทั้งเพื่อนๆ ของฉัน

เมื่อฉันเป็นวัยรุ่น ฉันยังมองความรักเหมือนเดิม
ยังอยากให้คนอื่นยอมรับ นิยมชมชื่นและชอบฉันเช่นเดิม
เพียงแต่คนบางคน มีความหมายมากขึ้นในชีวิตของฉัน
เพื่อนและเพื่อนต่างเพศของฉัน มีความหมายมากเหลือเกิน
สำหรับฉัน.... ฉันอยากโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ
และเป็นที่รักของเพื่อนทั้งหลาย
ฉันขับรถราคาแพงๆ ของพ่อแม่มาอวดเพื่อนๆ ฉันต้องไปทานอาหาร ที่ภัตตาคารหรูๆ ราคาแพงๆ ฉันต้องมีเพื่อนผู้หญิง ที่โก้เก๋ ทันสมัย ฉันพยายามแต่งตัวให้ดีขึ้น ใช้ของราคาแพงขึ้น
ทำตัวให้ทันสมัยขึ้น เพื่อที่จะได้เป็นที่ต้องตาต้องใจของเพื่อนๆ
ฉันต้องทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ตัวเอง "เป็นที่รัก"
และ"เป็นที่ยอมรับของเพื่อนมากขึ้น"
เมื่อฉันมีอายุมากขึ้น บทบาทหน้าที่ในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป....
แต่ความรู้สึกต่างๆ ของฉัน ยังคง เหมือนเดิม
ฉันยังต้องการให้คนอื่นมายอมรับ ยกย่อง...ชื่นชมและชอบในตัวฉัน
และดูเหมือนว่าความรู้สึกเหล่านี้จะรุนแรงมากขึ้นทุกที
จนเหมือนกับเป็นอาหารของชีวิตที่ฉัน จะขาดไม่ได้เสียแล้ว
ฉันต้องการ อำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง
ต้องการจะแข่งขันกับคนทุกคน
ที่อยู่รอบข้างมากขึ้น
ฉันต้องการ มีเงินเดือนมากขึ้น มีบ้านที่ใหญ่โตหรูหราขึ้น
ฉัน ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับ
ยกย่องนับถือของคนในสังคม
ฉัน ทำงานมากขึ้นเพื่อที่จะได้รายได้สูงขึ้น ฉัน ทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ ฉัน ออกงานสังคมมากขึ้น ทำงานเพื่อสังคม
(ความจริงเพื่อตัวเอง) มากขึ้น
เพื่อที่จะได้มีหน้ามีตามากขึ้น โอ...เหนื่อยเหลือเกิน
ฉันแทบจะไม่มีเวลาให้กับตัวเองเลย
ฉัน เริ่มหยุดคิดและพิจารณาชีวิตของฉันอย่างจริงจัง
และเริ่มเห็นว่าชีวิตจิตใจของฉันขึ้นอยู่กับคนอื่นมากเหลือเกิน
ฉันคอยที่จะทำตัวให้เป็นที่รักของคนอื่นอยู่ร่ำไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ฉันเองก็ไม่มีอำนาจอะไร
ที่จะไปควบคุมความรู้สึกของคนอื่นให้ชอบหรือไม่ชอบ
ฉันได้

ชีวิตฉันจะไม่มีวันที่จะมีความสุขได้เลย
ถ้าฉันยังต้องรอคอยให้คนอื่นมาชอบฉัน รักฉัน อยู่เช่นนี้ตลอดไป เมื่อฉันสังเกต ศึกษาความรู้สึก ความคิด จิตใจ
รวมทั้งการกระทำต่างๆ ของตัวเองมากขึ้น

ฉันเริ่มพบว่าฉันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เหมือนใคร
และฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนใคร เลียนแบบใคร
หรือจะต้องเปรียบเทียบแข่งขันกับใคร
ฉันเริ่มเห็นคุณค่า ความสามารถในตัวฉัน ที่แตกต่างไปจากคนอื่น นับเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ที่ฉันไม่เคยมีมาในชีวิต เมื่อฉันศึกษาตัวเองมากขึ้น ฉันรอคอยความรัก ความยอมรับจากคนอื่นน้อยลง
แต่กลับรู้สึกเห็นคุณค่า


เคารพและรักตัวเองมากขึ้น
ฉัน ก็คือ ฉัน คุณ ก็คือ คุณ
ฉันเริ่มหันมาทำในสิ่งที่ฉันชอบ และเห็นว่าถูกต้อง ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไปมาก เมื่อฉันรักตัวเอง เห็นคุณค่า
ความสามารถของตนเองมากขึ้น เท่าใด "ความรู้สึกเคารพ" และ "เข้าใจในความเป็นตัวเองของผู้อื่นก็มีมากขึ้นเท่านั้น"
เราทุกคนแตกต่างกัน มีชีวิต จิตใจ ความรู้สึกนึกคิด
ลีลาของชีวิตที่แตกต่างกัน
ฉัน ก็คือ ฉัน คุณ ก็คือ คุณ
ฉัน เคารพความรู้สึก ความคิดเห็น
การกระทำของคนรอบข้างมากขึ้น เพื่อน พ่อ แม่ พี่น้อง ครู อาจารย์
ฉัน เริ่มพบว่า ความสุขที่แท้จริงในชีวิตของฉัน
เกิดจากความรู้สึกเหล่านี้เอง
ความยอมรับ ยกย่อง ศรัทธา เห็นคุณค่าของตัวเอง และผู้อื่น
ฉัน ไม่รอให้คนอื่นมายอมรับ ยกย่องเห็นคุณค่า
เห็นความดีในตัวฉันอีกต่อไปแล้ว
ฉันเองต่างหากที่จะต้องเป็นผู้ยอมรับ ยกย่อง เคารพ
เห็นคุณค่า ทั้งของตนเอง และคนอื่นให้มากขึ้น
ความรัก ความยอมรับ ความเคารพและความศรัทธาของฉัน...
ยิ่งแผ่กว้างไปสู่คนจำนวนมากขึ้นเท่าใด
ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่า
ฉันมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
ฉันพบแล้วว่า "ความรักที่แท้จริง ของฉันนั้น" ควรเป็นเช่นไร ความรักของท่าน เหมือนความรักของฉันไหมเอ่ย

Thích Nhất Hạnh