f เจาะเวลาหาอดีต
น้ำใจของคนแปลกหน้า เสียงจากฟอเรสต์ กัมพ์ (Forrest Gump) ... ที่ปลอบหัวใจถึงปลายทางชีวิต
ในปี 2020 ทอม แฮงส์กำลังอยู่ในรถเทรลเลอร์ของเขา บนกองถ่ายภาพยนตร์ News of the World
เมื่อผู้ช่วยส่วนตัวเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษโน้ตที่พับเรียบร้อย ข้อความในนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง
มีชายคนหนึ่งชื่อ เจมส์ มัลลอรี่ อดีตครูมัธยมจากรัฐโอไฮโอกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย
เอมิลี่ ลูกสาวของเขาได้พยายามส่งข้อความผ่านเว็บแฟนคลับและทวิตเตอร์
เพื่อหวังว่าคำขอของพ่อจะไปถึง ทอม แฮงส์
สิ่งที่พ่อของเธอต้องการเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ก็คือ ได้ยิน “เสียงของฟอเรสต์ กัมพ์” อีกครั้งหนึ่ง
คำขอที่เรียบง่ายนั้นกระทบใจแฮงส์อย่างลึกซึ้ง เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วขอให้ผู้ช่วยช่วยหาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ
ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เขานั่งอยู่เงียบ ๆ ถือโทรศัพท์ที่เปิดลำโพง
รอเสียงตอบรับจากห้องพักสุดท้ายในสถานพยาบาลกว่า 2,000 ไมล์จากกองถ่าย
เอมิลี่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้อความของเธอไปถึงมือแฮงส์หรือไม่
และเมื่อโทรศัพท์ขึ้นเบอร์จากรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอเกือบจะไม่รับ แต่บางสิ่งในใจบอกให้เธอกด “รับสาย”
“ฮัลโหล... นี่คุณเอมิลี่ มัลลอรี่หรือเปล่าครับ?”
เสียงที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น
“ใช่ค่ะ?”
“ผมคือทอม แฮงส์ ได้ยินมาว่าคุณพ่ออยากคุยกับฟอเรสต์ กัมพ์... ท่านอยู่ไหมครับ?”
ห้องเงียบกริบ แม่ของเธออ้าปากค้าง พยาบาลหยุดเดิน
เอมิลี่รีบวิ่งไปข้างเตียงและค่อย ๆ วางโทรศัพท์แนบหูพ่อของเธอ
เจมส์แทบไม่พูดอะไรมาเป็นวันแล้ว แต่เมื่อแฮงส์เปลี่ยนเสียงเป็น ฟอเรสต์ กัมพ์ และพูดประโยคคลาสสิกว่า
“สวัสดีครับเจมส์... แม่ผมเคยบอกว่า ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อกโกแลต...”
รอยยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าชายชรา
น้ำตาไหลอาบหน้าเอมิลี่ พ่อของเธอพูดอะไรแทบไม่ได้แล้ว แต่ขยับริมฝีปากเบา ๆ ว่า
“ขอบคุณ...”
แฮงส์ยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงช้า ๆ แบบฟอเรสต์ กัมพ์ เต็มไปด้วยความอบอุ่น
และสติปัญญาเรียบง่ายที่เป็นเอกลักษณ์
“ผมไม่รู้หรอกว่าเรามีโชคชะตารออยู่
หรือแค่ล่องลอยไปตามสายลม...
แต่บางที มันอาจจะเป็นทั้งสองอย่างพร้อมกันก็ได้นะครับ”
ช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาทีนั้น
เจมส์ไม่ใช่ผู้ป่วยมะเร็งที่รอวันสุดท้ายของชีวิตอีกต่อไป
เขาคือผู้ฟัง ที่กำลังคุยกับตัวละครโปรดตัวละคร
ที่เคยพาเขาผ่านช่วงเวลาเศร้าจากการหย่าร้าง
ที่เคยอยู่เป็นเพื่อนเงียบ ๆ
ตอนเขานั่งตรวจข้อสอบดึก ๆที่เคยทำให้เขาหัวเราะ
แม้ในวันที่ชีวิตไม่ปรานี
สิ่งที่ทำให้ช่วงเวลานั้นยิ่งพิเศษก็คือ แฮงส์ ไม่เคยหลุดจากบทบาทเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เขาพูดกับเจมส์อย่างที่ฟอเรสต์ กัมพ์จะพูด
ไม่ใช่ในฐานะดาราต่อแฟนคลับ แต่ในฐานะ “เพื่อนคนหนึ่ง”
บนม้านั่งในสวนสาธารณะ
เจมส์บีบมือลูกสาวแน่น น้ำตาหนึ่งหยดกลิ้งลงข้างแก้มแล้วเขากระซิบเบา ๆ ว่า
“วันนี้...ดีที่สุดในชีวิตเลย”
วันถัดมา เจมส์จากไปอย่างสงบ โดยยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ทอม แฮงส์ ไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์นี้ในที่สาธารณะ
ไม่มีโพสต์ ไม่มีข่าว ไม่มีคำโอ้อวด
เอมิลี่เป็นคนมาเล่าเรื่องนี้ผ่านเพจสนับสนุนผู้สูญเสีย
ก่อนที่ผู้ใช้ Reddit คนหนึ่งจะนำไปเล่าต่อ
และเรื่องราวก็แพร่กระจายออกไป สะกดหัวใจผู้คนมากมายทั่วโลก
โดยเฉพาะผู้ที่เติบโตมากับเสียงของฟอเรสต์ กัมพ์
พยาบาลในสถานพยาบาลซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าคนไข้คนไหนเปลี่ยนเร็วขนาดนั้นมาก่อนเลย
เขาเหนื่อยมาก ดูหมดแรงแล้ว... แต่พอได้ยินฟอเรสต์ กัมพ์ เหมือนมีแสงบางอย่างจุดขึ้นในตัวเขา”
ทุกวันนี้ เอมิลี่ยังคงเก็บ บันทึกเสียงโทรศัพท์ ครั้งนั้นไว้ และเปิดฟังเป็นครั้งคราว
ไม่ใช่แค่เพื่อระลึกถึงเสียงของพ่อในบทสนทนาสุดท้ายแต่เพื่อเตือนใจว่า
ความเมตตาง่าย ๆ จากคนแปลกหน้า แม้จะโด่งดังเพียงใด
ก็สามารถเปลี่ยนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตให้มีความหมายได้
ในห้องที่เงียบที่สุด
เสียงจากภาพยนตร์
ได้นำความสงบมาให้... ในแบบที่ยารักษาใดก็ทำไม่ได้