Image from tnnthailand.com
โอนคดี "ทนายตั้ม" ฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน ให้สอบสวนกลาง
26 ต.ค. 67
ตำรวจ สภ.ปากช่อง โอนคดีนักธุรกิจสาวแจ้งความนายษิทรา หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงเงินกว่า 71 ล้านบาท
ให้ตำรวจสอบสวนกลางดูแล
วันที่ 25 ต.ค.2567 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ทนายความกลุ่มคนรุ่นใหม่ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ยื่นหนังสือให้กับ
พ.ต.อ.วีระพล ระเบียบโพธิ์ ผกก.สภ.ปากช่อง เพื่อโอนคดีที่ น.ส.จตุพร หรืออ้อย ได้ส่งทนายความเข้าแจ้งความที่ สภ.ปากช่อง
เพื่อดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง โดยอ้างว่าถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์
เป็นเงินกว่า 2 ล้านยูโร หรือ 71 ล้านบาท ให้ตำรวจสอบสวนกลาง มาสอบสวนต่อ
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีใหญ่ อีกทั้งตำรวจสอบสวนกลางมีบุคลากรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
เพื่อดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การโอนเงินข้ามชาติ และตรวจสอบประเด็นการฟอกเงิน
ด้าน ผกก.สภ.ปากช่อง ระบุว่า คดีนี้ตำรวจได้สอบปากคำพยานแล้ว 3 ปาก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้สั่งให้โอนคดีของนายษิทราให้ตำรวจสอบสวนกลางแล้ว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้ทั้งหมดแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ
ทาง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม ว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องการให้โอนคดีมาที่ส่วนกลาง ไม่ใช่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามไปนำคดีนี้มา
ยืนยันส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งกับทนายคนดังกล่าว และไม่มีเรื่องที่จะต้องเอาคืน โดยไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้
ทนายตั้มย้ำเงิน 71 ล้านบาทเป็นการให้โดยเสน่หา
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายษิทรา ก่อนหน้านี้ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าจะเดินทางมาให้ปากคำ
พร้อมแจ้งความคู่กรณีในข้อหาแจ้งความเท็จ โดยระบุว่าเงินที่ได้มาเป็นการให้โดยเสน่หา
แต่นายษิทราได้เลื่อนการเดินทางไปที่พบตำรวจ และระบุทราบว่า
น.ส.จตุพร จะเดินทางกลับมาไทย อาจมีการเจรจากันก่อน เพราะไม่อยากดำเนินคดีกับ น.ส.จตุพร
นายษิทรา ยังได้ให้สัมภาษณ์ในรายการรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์
อธิบายเรื่องดังกล่าวว่า น.ส.จตุพร เป็นหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติอยู่ที่ฝรั่งเศส
และจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยเป็นลูกความของตนเอง จ่ายเงินค่าจ้างให้เดือนละ 300,000 บาท
แต่ต่อมาตนเองกับเลขาฯ ของ น.ส.จตุพร เกิดมีปัญหากัน จึงพูดคุยกับ น.ส.จตุพร
ขอเงิน 1 ก้อน 2 ล้านยูโร เพื่อมาทำธุรกิจและดูแลครอบครัวแลกกับการที่ยังดูแลงานให้อยู่
ซึ่งลูกความก็ตกลงให้ และเงินจำนวนนี้ก็ได้แจ้งกับลูกความ
ว่าจะเอาไปทำสัญญาว่าจ้างพัฒนาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ เป็นการให้เงินทำธุรกิจ ไม่ใช่มาร่วมลงทุน