Custom Search

May 16, 2022

คำว่า ‘ศีลเสมอกัน’ ในความสัมพันธ์ แปลว่าอะไร ทำไมถึงสำคัญนัก

Posted By Plook Magazine | 15 ต.ค. 64

การเลือกแฟนหรือเพื่อนบางทีก็เหมือนกับการเสี่ยงดวง บางคนสมบูรณ์พร้อม ดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก
แต่กลับไม่คู่ควรกัน สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต แต่บางคนแตกต่างกัน
เริ่มต้นไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่กลับพิสูจน์
ได้ว่าพวกเขาคู่ควรกันแล้ว การเลือกคู่ด้วยการดูว่า ‘ศีลเสมอกันไหม’
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจในการเลือกแฟนหรือเพื่อนให้คบกันอย่างยั่งยืน
“ผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน 
ภรรยาและสามีทั้งสองนั้นย่อมได้พบกันและกัน ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ"

นี่คือคำกล่าวของพระพุทธเจ้าในการเลือกคู่ครองชีวิตที่เราเรียกรวม ๆ ว่า ‘คู่แท้’
นั้นจะต้องดูที่ศีลเสมอกันไหม แต่หลายคนก็จะสงสัยว่าศีลเสมอกันคืออะไร ?
ต้องรักษาศีลเหมือนกันแบบนี้หรือเปล่า ซึ่งความจริงมันก็ใช่ คนสมัยก่อนเลือกคนที่ศีลเสมอกันเป็นคู่ครอง เช่น
คนที่รักษาศีลจะรู้จักยับยั้งชั่งใจพากันไปสู่สิ่งที่ดีงาม สร้างชีวิตครอบครัวให้มีความสุข
ซึ่งคนที่ศีลเสมอกันดูง่าย ๆ คือ
ชวนกันทำแต่ความดี ชีวิตย่อมเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ไม่มีใครฉุดดึงชีวิตอีกฝ่ายให้ต่ำลง
แต่กับคนที่ศีลไม่เสมอกันคืออีกคนที่ชอบทำบุญ รักษาศีล แต่อีกคนไม่รักษาศีล หรือรักษาศีลน้อยกว่า
ชอบการพนัน นอกใจ ตกเย็นก็เมาหัวราน้ำ ก็ย่อมทำให้มีเรื่องทะเลาะกัน
เนื่องจากทั้งสองคนมีศีลไม่เสมอกันก็เป็นเรื่องยากที่จะอยู่ด้วยกันได้
คนศีลเสมอกันดูยังไง ? 
ปัจจุบันนี้คำว่าศีลเสมอกันได้ถูกนำมาตีความ
ให้เข้าใจง่ายตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
และไม่จำกัดวงอยู่แค่การรักษาศีล
คำว่าศีลเสมอกันในยุคนี้จึงหมายถึง
คนสองคนที่มีมาตรฐานในเรื่องต่าง ๆ เท่า ๆ กัน
มีความคิดเรื่องความดีความชั่วเสมอกัน ดังนี้
• มีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน 
• มีมุมมองในเรื่องต่าง ๆ คล้ายกัน
• มีความชอบและรสนิยมตรงกัน
• รักษาศีลเสมอกัน ไม่ต่ำไม่สูงไปกว่ากัน
• มีจาคะเสมอกัน เป็นคนใจกว้าง แบ่งปันไม่มากหรือน้อยไปกว่ากัน
• มีความรู้ ปัญญา ความเชี่ยวชาญที่เกื้อหนุนกันและกันได้
คนศีลเสมอกันดูยังไง ?
ปัจจุบันนี้คำว่าศีลเสมอกันได้ถูกนำมาตีความให้เข้าใจง่าย
ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
และไม่จำกัดวงอยู่แค่การรักษาศีล
คำว่าศีลเสมอกันในยุคนี้จึงหมายถึง
คนสองคนที่มีมาตรฐานในเรื่องต่าง ๆ เท่า ๆ กัน
มีความคิดเรื่องความดีความชั่วเสมอกัน ดังนี้
• มีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน
• มีมุมมองในเรื่องต่าง ๆ คล้ายกัน
• มีความชอบและรสนิยมตรงกัน
• รักษาศีลเสมอกัน ไม่ต่ำไม่สูงไปกว่ากัน
• มีจาคะเสมอกัน เป็นคนใจกว้าง แบ่งปันไม่มากหรือน้อยไปกว่ากัน
• มีความรู้ ปัญญา ความเชี่ยวชาญที่เกื้อหนุนกันและกันได้
มีมุมมองในเรื่องต่าง ๆ คล้ายกัน
เคยเจอบางคู่ที่ไปด้วยกันไม่ได้ อย่างเรื่องไม่กินเนื้อ เนื่องจากคนหนึ่งเป็นวีแกน
แต่อีกคนไม่เป็นวีแกน แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นวีแกนเต็มตัวเพื่อที่จะอยู่ด้วยกันได้
แต่ก็ไม่รอดเพราะน้องแมว การเลี้ยงสัตว์มันขัดต่อหลักของวีแกน
ที่จะไม่ไปเบียดเบียนเป็นเจ้าของชีวิตสัตว์ตัวไหน
และแมวเป็นสัตว์ที่ไล่ล่าสัตว์อื่น เช่น นก หนู แถมยังกินเนื้ออีก
ทำให้คนที่เป็นวีแกนบอกให้แฟนเลือกระหว่างเธอกับแมว
หรือบางคนมีมุมมองต่อสิ่งแวดล้อมที่มุ่งมั่น แยกขยะในบ้าน
แต่แฟนเป็นคนไม่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเลย
มันก็ยากก็จะไปด้วยกันได้ ปัญหาที่คนสองคนมีมุมมองในเรื่องต่าง ๆ ไม่ตรงกัน
นำมาซึ่งปรัชญาและรูปแบบในการใช้ชีวิตที่สวนทางกันได้
แบ่งปันได้ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน
คือการมีจาคะเท่ากันนั่นเอง คำว่า ‘จาคะ’ หมายถึง การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อผู้อื่นได้
ดังนั้นคนที่มีจาคะย่อมเสียสละเพื่อส่วนรวมเมื่อเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยากหรือสังคมวุ่นวาย
พวกเขาจะคอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากคู่ของเรามีจาคะไม่เสมอกัน
ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงต้องไปช่วยเหลือคนอื่นขนาดนั้น
เพราะบางคนก็แค่ใช้ชีวิตเอาตัวเองให้รอดก็เพียงพอ ดังนั้นหากเราเลือกแฟนที่มีจาคะเสมอกัน
มีน้ำใจได้ไม่มากหรือไม่น้อยไปกว่ากัน
สามารถช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนได้เหมือน ๆ กัน
ทั้งคู่ก็จะคบกันได้ยาวนาน
มีความชอบและรสนิยมตรงกัน
บางคู่มีความชอบไม่เหมือนกันอย่างใหญ่หลวงจนกลายเป็นปัญหาให้เลิกกันได้ เช่น
ผู้หญิงชอบท่องเที่ยวมาก ชีวิตของเธอมีความสุขที่สุดเมื่อได้ไปท่องโลก
แต่เธอไปคบผู้ชายที่เชื่อว่าการเก็บเงินคือความมั่งคั่งในชีวิตเพื่อชีวิตบั้นปลายจะได้สบาย
ทำให้ทุกครั้งที่ผู้หญิงชวนผู้ชายไปเที่ยวต่างประเทศ ผู้ชายก็จะปฏิเสธตลอด
เนื่องจากรสนิยมไม่เหมือนกันอย่างแรง เมื่อปรัชญาการใช้ชีวิตแตกต่างกันมันก็ทำให้ไปด้วยกันได้ยาก
ในเมื่อความสุขของอีกคนไม่เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
สุดท้ายหากดูแล้วไม่มีคนที่ศีลเสมอกันกับเราเลย พระท่านบอกว่าให้เลือกเดินคนเดียวเพราะ
หากเราไปคบคนที่ศีลไม่เสมอกัน ต่ำกว่าหรือสูงกว่าในขณะที่เราไม่มีสติ
เราก็อาจจะไปซึบซับสิ่งที่ไม่ดีจากอีกคนเข้าหาตัวเองได้ หรือใจเราก็อาจจะป่วยพัง
ดังนั้นพระท่านจึงบอกอีกว่า คบคนอย่างไร เราจะกลายเป็นคนแบบนั้นไปด้วย
หากไม่มีใครแมทช์ศีลของเราในตอนนี้ก็จงเดินคนเดียวแล้วมีสติเป็นเพื่อน
จนกว่าจะเจอคนที่ศีลเสมอกันพอดี