Custom Search

Oct 20, 2018

โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ



      "โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ" 
      อาหารสมอง  วีรกร ตรีเศศ varakorn@dpu.ac.th 
      มติชนรายสัปดาห์  

      วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ปีที่ 25 ฉบับที่ 1297                                                                  

      ถ้ท่านผู้อ่านอยากรู้ว่าทำไมหมาจึงซื่อสัตย์ หมาดูโทรทัศน์รู้เรื่องจริงหรือไม่ ทำไมหมาเห่าและกัด ตารางเทียบอายุคนกับหมาเป็นอย่างไร ทำไมหมาจึงชอบการดมบั้นท้ายกัน ทำไมหมาจึงชอบให้คนลูบหัวลูบตัว ฯลฯ ผมขอแนะนำหนังสือเกี่ยวกับหมาเล่มหนึ่งที่เพิ่งวางตลาดสดๆ ร้อนๆ ที่มีจุดขายต่างจากหนังสือหมาเล่มอื่นๆ อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ เวลาที่หมาพบกันก็จะดมบั้นท้ายซึ่งกันและกัน ไม่ได้ดมด้วยความพิศวาสทางเพศ แต่ดมเพื่อทำความรู้จักกัน เพราะหมาแต่ละตัวจะมีต่อมน้ำมันที่ปล่อยกลิ่นเฉพาะตัวอยู่รอบทวารหนัก และมันยังมีความจำเป็นเลิศ ในสมองของมันสามารถบันทึกกลิ่นที่ดมไว้ได้ทันที และจดจำกลิ่นทั้งหมดที่เคยดมมาได้ ความพ่ายแพ้หรือความกลัวของหมาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าหากมันไม่มีกลุ่มอยู่หรือไม่มีฐานะเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม เช่น หมาไร้เจ้าของหรือหมาจรจัดนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าจะมีอายุไม่ยืน นอกเหนือจากเรื่องการขาดแคลนอาหารแล้ว มันจะดูขาดความสุขและมีจิตใจหดหู่กว่าหมาที่มีเจ้าของชัดเจน เนื่องจากไม่มีความมั่นคงในชีวิต ไม่มีฝูงและจ่าฝูงที่ดูแลคุ้มครองมัน บางคราวต้องเผชิญกับศัตรูหลายรูปแบบ และโดยสัญชาตญาณ มันก็พร้อมที่จะซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อจ่าฝูงเสมออยู่แล้ว เมื่อไม่มีจ่าฝูง มันจะรู้สึกผิดไปจากสัญชาตญาณของการเป็นหมาไปมาก ซึ่งเป็นที่สังเกตของนักสัตววิทยามานานแล้ว หมาซื่อสัตย์ต่อเราก็เพื่อความอยู่รอดของตัวมันเอง อย่าไปโกธรเกลียดหมา เพราะหมานั้นเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นสัตว์ที่ถูกผลักดันโดยสัญชาตญาณดั้งเดิมในการดำรงชีวิต แต่มนุษย์ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน จึงควรจะเข้าใจสัตว์เดรัจฉานให้มากๆ และพยายามให้สัตว์ทั้งที่ไม่ใช่เดรัจฉานและเดรัจฉานอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เนื้อหาในหนังสือตอนหนึ่งทำให้เราเข้าใจเรื่องที่แสนจะธรรมดาคือลูบหัวหมาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น "เมื่อเราเอามือตบหัวมันแล้วเราเองจะรู้สึกพอใจและรู้สึกว่ามันเหมือนเพื่อนของเรา หรือแม้แต่มนุษย์ในเผ่าพันธุ์เดียวกัน เวลาที่รู้จักกันก็ต้องมีการทักทายกันเป็นธรรมดา อาจจะโดยการสัมผัสตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสแขน ใช้มือโอบบ่ากัน นี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งแสดงออกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน เป็นมิตรกัน หากคนไม่เป็นมิตรกันจะไม่สัมผัสกัน ตัวไม่ให้โดนกัน แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันเป็นมิตรกันก็จะสัมผัสกัน การที่หมาได้รับสัมผัสจากคน ไม่ว่าจะเป็นการตบหัว ลูบหัว หรือลูบหลัง โดยเฉพาะลูบตรงใต้คอ หรือตรงระหว่างขาหน้าบริเวณอกแล้วรู้สึกพอใจ คนเราตีความว่าการมีคนมาแตะมาลูบนั้นให้ความรู้สึกอย่างเดียวกัน หรือคล้ายกันกับสมัยที่ตัวเองเป็นเด็กสนุกสนานอยู่กับพี่น้องแล้วมีแม่เป็นคน ดูแลให้ความอบอุ่น การที่มีคนมาลูบมาเกาหลัง อุปมาเหมือนกับความรู้สึกของตัวเองที่ได้รับจากพี่น้อง ได้รับจากแม่ หรือไม่ก็เหมือนกับความรู้สึกที่เด็กได้รับตอนที่ผู้ใหญ่เอามือลูบบ่า ลูบไหล่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานแล้วมีผู้ใหญ่ตบหลัง ลูบไหล่ ก็เหมือนกับได้รับการยอมรับ ความรู้สึกตรงนี้จึงเป็นความรู้สึกที่ทำให้หมาสบายใจ มั่นใจในฐานะของตนเอง" อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงเดาได้ว่าใครเป็นผู้เขียนจึงชมกันอย่างไม่ค่อยเขินในวันนี้ และหลายท่านอาจงงๆ ว่าเหตุไฉนบอกแต่ชื่อหนังสือแต่ไม่บอกชื่อคนเขียน ผมก็ขอเฉลยตรงนี้เลยครับว่า "โฮ่งๆ หมาก็มีหัวใจ" นั้นผู้เขียนก็คือ อาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ เพื่อนซี้ทางวิญญาณของผม ผู้เคยบอกว่าขอสถาปนาตนเองเป็นนักวิชาการหมา (กรุณาออกเสียง "หมา" ครั้งเดียว) นั่นเองแกฝากบอกว่าถึงแม้จะเป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องที่เคยเขียนเกี่ยวกับหมาไว้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังไม่เคยตีพิมพ์มาก่อน แกบอกว่าไม่ได้จงใจ "โหน" หมาเพราะเห็นว่ากระแสหนังสือหมากำลังมาแรง แต่เขียนและรวบรวมขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะเห็นคนเข้าใจหมามากขึ้น ในคำนำไม่รู้ว่าแกเก็บกดหรืออย่างไร ไปเอาอมตะวาจาของ Frederick The Great มาโชว์ไว้หรา ข้อความก็คือ "The more I see of men, the better I like my dog." (ยิ่งรู้จักมนุษย์มากยิ่งขึ้นเพียงใด ฉันก็ยิ่งชอบหมาของฉันมากขึ้นเพียงนั้น) ในราคาแค่ 110 บาท ค่าเสียโอกาสจากการซื้อหนังสือเล่มนี้ถือว่าน้อยมากนะครับ