Custom Search

บะหมี่สะพานสูง (บะหมี่ยิ้งเปรมประชา ปูกับหมูแดง)




ยิ้งเตาปูน บะหมี่เกี๊ยว

02-9105931
หยุดวันอาทิตย์ วันจันทร์
2 ทุ่มครึ่ง ปิดเวลาตีหนึ่งครึ่งโดยประมาณ



Thairath
http://www.thairath.co.th
วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ.2554


เขา ว่ากันว่า ประเทศไทยกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
มีหลายอย่างที่รัฐบาลกำลังทำให้เป็นไปตามที่หาเสียงเอาไว้
ตอนนี้หลายคนคงรอเงิน 300 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท
สำหรับน้องๆ ที่จบใหม่ ถ้าออกมาจริงถ้าจะวุ่นไม่น้อย
เข้ามาใหม่เงินเดือนรดคอพี่ๆ ที่อยู่มา 10 กว่าปี
พวกมีฝีมือคงหนีอัพค่าตัวกันสนุก
ส่วนตัวประกอบคงจะต้องทนอยู่และอยู่ทนต่อไป คิดแล้วเศร้า...
ส่วนรถคันแรกเริ่มที่จะชัดเจนแล้วว่า
ผู้ที่ลงทุนในประเทศไทยนั้นจะได้ประโยชน์
อันนี้ถูกต้องแล้วครับ ผู้ที่จะซื้อคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
เขามีเกณฑ์อะไรบ้าง อย่าทำมึน เดี๋ยวจะไม่ได้อย่างที่คิด
ส่วนพวกที่คิดว่าซื้อแล้วทิ้ง รับรองว่าโดนแน่ๆ


วันนี้ได้มีโอกาสมาเยือนร้านที่เป็นตำนานอีกร้าน
"บะหมี่สะพานสูง"
ประวัติเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ที่จำได้ว่ากินมาตั้งแต่ 20 ปีกว่าๆ มาแล้ว อร่อยมาก
แต่ที่จะทำให้ไม่สบอารมณ์ก็ความช้าของที่ร้าน เขาค่อยๆ ทำค่อยๆ ปรุง ทำไปเรื่อยๆ
ใครที่ใจร้อนคงต้องไปกินร้านอื่น ร้านนี้ต้องละเมียดละมัย ทั้งคนทำและคนกิน
ที่สำคัญร้านนี้ไม่ค่อยจะมีใครรู้จักเท่าไร เอาเป็นว่าผมของแนะนำว่าที่แน่ๆ ในกรุงเทพฯ
เจอร้านนี้ต้องหลบในฝีมือครับ

มาลุยกันเลยคณะของเรายังคงเป็นกลุ่มเดิมที่ต้องการสรรหาของกิน เน้นของอร่อย ราคามิตรภาพ
หลังจากหาที่จอดรถได้เรียบร้อยแล้ว หาโต๊ะจัดการสั่งกันเลย
ผมขอบะหมี่แห้งปูหมูแดง 2 ครับพิเศษด้วย คุณปลาไอบีเอ็ม
บะหมี่แห้งปูหมูแดงและเกี๊ยวน้ำอย่างละหนึ่ง คุณหน่อยบะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงปู
ส่วนคุณแอนดาราเดลี่ก็จัดบะหมี่เช่นกัน มาดูกันเลยครับ
ที่เด็ดขาดต้องตัวเส้นเหนี่ยวนุ่มมาก มีกลิ่มหอมได้ใจ ที่สำคัญคือ
วิธีการลวกเส้นที่ยังคงกรรมวิธีแบบโบราณอยู่
ส่วนเกี๊ยวผมว่าไม่ควรเรียกว่า เกี๊ยว ต้องเรียกว่าขนมจีบมากกว่า
ใหญ่และอัดแน่นไปด้วยหมูปรุงรส ส่วนน้ำซุปดูดีเลยครับ
กินแล้วชื่นใจ คงลืมร้านนี้ยากครับ...












ร้านอยู่ที่สะพานสูงเตาปูน เอาเป็นว่าไปจอดรถที่เทสโก้ โลตัส แล้วเดินออกมาด้านสะพาน
(ใต้สะพานมีทางเดินอยู่ให้ลอดได้) จากนั้นเดินมาทางตีนสะพาน ร้านอยู่ตรงตีนสะพานพอดี
(ร้านปิดวันอาทิตย์นะ).

Rating : ที่สุดในแผ่นดิน

เรื่องและภาพโดย
ธนา ทุมมานนท์ (เบย์พาเลส)

www.facebook.com/baypalace


Related Story:

บะหมี่สูตรโบราณ


ประธานาธิบดีBill Clinton เปลี่ยนมาทานเจ

คงไม่มีใครไม่รู้จัก Bill Clinton อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ
แต่อาจมีใครหลายคนยังไม่รู้ว่า Bill Clinton
ประสพปัญหาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ จนต้องทำ stent
และเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Bill Clinton
เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
โดยเลือกทานแต่ผัก ถั่ว ผลไม้ โปรตีนเสริม
(เข้าใจว่าน่าจะเป็น Whey Protein)
งดนม เนย ไขมัน ไข่และเนื้อสัตว์
จะว่าเป็นมังสวิรัติก็ไม่ใช่ เจก็ไม่ใช่
เพราะทานเนื้อสัตว์บ้าง เนื้อปลาบ้างบางครั้ง
แต่เป็นการเลือกทานอาหารที่ไม่เป็นโทษกับหัวใจ
เพื่อลดไขมันในเลือด ลดการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบ
กล้ามเนื้อหัวใจตาย และลดน้ำหนัก
You are what you eat.
เป็นประโยคสั้น ๆ ที่แฝงความจริงว่า
โรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ เกิดจากอาหารที่เราทานเข้าไปนี่แหละ
หากไม่ระมัดระวังเรื่องอาหาร ก็จะเกิดโรคหลาย ๆ
โรคจากการทานอาหาร โดยเฉพาะเมื่อวัยเกิน 40 ปี
ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ยิ่งมีประวัติกรรมพันธุ์ เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง ยิ่งต้องระวัง ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน
การแพทย์และยาจะเจริญก้าวหน้า
จนสามารถยืดอายุผู้ป่วยเบาหวาน
และความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่น ๆ ให้อยู่ได้
มีอายุยืนยาวเกือบเท่าคนปกติ
แต่คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ยกตัวอย่างผู้ป่วยเบาหวานที่มีคุณภาพชีวิตลดลงเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะในระยะท้าย ๆ
ที่ต้องทุกข์ทรมานกับการฟอกไต
คงจะพอให้ฉุกคิดกันได้ว่า
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
หลีกเลี่ยงอาหารขยะตั้งแต่วันนี้เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด
รายละเอียดการป่วยของ Bill Clinton

อ่านที่นี่ :

http://www.medicalnewstoday.com/articles/233096.php




Sep 7, 2011

ระบบการศึกษา...ระบบควบคุมหรือระบบส่งเสริมความงอกงาม


วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2554

ศ.นพ.ประเวศ วะสี

www.matichon.co.th



เหตุเกิดที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์มหาวิทยาลัยมหิดลที่
ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีประท้วง
ด้วยการยื่นใบลาออกและนักศึกษาไปประท้วงที่หน้า
สำนักงานคณะ กรรมการอุดมศึกษา
(สกอ.)
ด้วยการบรรเลงดนตรีที่มีคนเรียกว่าการประท้วงที่ไพเราะที่สุด

ความข้ดแย้งระหว่างวิทยาลัยดุริยางคศิลป์กับ สกอ.
เป็นเรื่องการรับรองหลักสูตรวิทยาลัย

ต้องการให้เรียกปริญญาของหลักสูตรว่า ดุริยางคศาสตร์บัณฑิต
แต่ สกอ.
ไม่อนุมัติ การไม่ผ่านการอนุมัติของ สกอ.
มีผลลามไปถึงการรับรองหลักสูตรโดย กพ.

มีผลทำให้บัณฑิตที่จบตามหลักสูตรนี้ไม่สามารถบรรจุเข้ารับราชการโดยได้รับ
เงินเดือนตามอัตราที่ควรจะได้ ถ้าเรียกปริญญานี้ว่าดุริยางคศาสตร์บัณฑิต
วิทยาลัยคิดว่าวิทยาลัยรู้ดีกว่า สกอ. และคิดว่า สกอ. ใช้อำนาจโดยไม่รู้

การศึกษากับระบบที่ใช้กับการศึกษาเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน
และเป็นต้นเหตุของความอ่อนแอของการศึกษาไทยที่แก้เท่าไรๆก็แก้ไม่ตก
เพราะไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ
การศึกษาเป็นระบบของความงอกงามอย่างหลากหลาย
แต่ระบบราชการเป็นระบบของการควบคุม

เมื่อเอาระบบการควบคุมมาใช้กับการศึกษาความงอกงามก็ไม่บังเกิดสมกับที่เป็นการศึกษา

การศึกษานั้นควรจะเป็นการกระตุ้นสมองส่วน หน้า แต่การควบคุมนั้น
กระตุ้นสมองส่วนหลัง สมองส่วนหลังนั้นเป็นสมองสัตว์เลื่อยคลาน (Reptilian brain)
มีหน้าที่เกี่ยวกับความอยู่รอด เช่น การกิน การสืบพันธุ์ การต่อสู้ การหลบภัย การทำร้ายสัตว์อื่น
หรือคนอื่น สมองส่วนหน้า (Neo-cortex)
เป็นสมองมนุษย์ทำหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญาขั้นสูง จินตนาการ วิจารณญาน ศีลธรรม

ถ้าผู้เรียนรู้มีอิสระที่จะจินตนาการ ที่จะเลือกเรียนรู้อย่างหลากหลายได้ทดลองของใหม่ๆ
จะกระตุ้นสมองส่วนหน้าให้ เจริญ มีสติปัญญาสูง มีวิจารณญาน มีความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ (Empathy)
มีจิตใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ (Altruism) มีศีลธรรม

การถูกควบคุมจะไปกระตุ้นสมองส่วนหลังซึ่งเป็นสมองสัตว์เลื่อยคลานทำให้
ขาดจินตนาการ (ตะกวดไม่มีจินตนาการ) ขาดสติปัญญา ขาดวิจารณญาน
ขาดศีลธรรม มีความหยาบและการทำร้ายกันสูง

การที่คนไทยเป็นอย่างนี้ๆก็เพราะเราอยู่ในระบบอำนาจแบบ top down ทุกแห่งหน
พ่อแม่ก็ top down กับลูก ครูก็ top down กับนักเรียน
เจ้านายก็ top down กับลูกน้อง ระบบการศึกษาก็ใช้ระบบราชกา
ซึ่งเป็นระบบควบคุมมากกว่าระบบส่งเสริมความงอก งาม
จึงไม่แปลกที่สังคมไทยเป็นสังคมที่ใช้สมองส่วนหลังมากเกิน และใช้สมองส่วนหน้าน้อยเกิน

การต่อสู้ทางการเมืองเป็นตัวอย่างของการใช้สมองส่วนหลัง
ในการใช้สมองส่วนหลังนั้นจะไม่คำนึงถึงความจริงและศีลธรรม แต่มุ่งเอาชนะอย่างเดียว
การต่อสู้กันโดยไม่ใช้ความจริงและศีลธรรม
ทำให้สังคมแบนราบขาดความสูงส่งทางคุณค่าหรือจิตวิญญาน
สังคมที่ขาดคุณค่าของความดีงามเป็นสังคมที่น่ากลัวยิ่งนัก

เนื่องจากระบบการศึกษาไทยเป็นระบบการควบคุม กระทรวงศึกษาธิการจึงหนักอึ้งรกรุงรังไปด้วย
เครื่องมือในการควบคุม การกำหนดมาตรฐานต่างๆก็คือการควบคุมให้เป็นไป
ตามมาตรฐานที่กระทรวงกำหนด การกำหนดชื่อปริญญา
กำหนดอัตราเงินเดือน กำหนดตัวชี้วัด ล้วนเป็นการควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐาน

การควบคุมทำให้เกิดความบีบคั้น ความขัดแย้ง และความไม่งอกงามอย่างหลากหลาย
มนุษย์นั้นไม่มีใครสองคนในโลกที่เหมือนกันแม้แต่ฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน
ควรจะมีโอกาสงอกงามหลากหลายแตกต่างกัน
การพัฒนามนุษย์ไม่ใช่การหล่อหลอมให้ออกจากเบ้าเดียวกันเหมือนการปั๊มขวดปั๊ม
กระป๋องออกมาจากโรงงาน

การศึกษาไม่ใช่การหล่อหลอมให้เหมือนกันแต่เป็นการส่งเสริมความงอกงามอย่างหลากหลาย
จึงไม่ควรมีมาตรฐานเดียวหรือตัวชี้วัดเดียวที่ใช้ทั่วไปหมด ซึ่งจะไปทำลายความงอกงามอย่างหลากหลาย

ถ้าระบบการศึกษาจะเป็นระบบการส่งเสริมความงอกงามแล้วไซร้จะเบาสบาย สวยสดงดงาม
สร้างสรรค์ และประหยัดกว่าปัจจุบันนี้มาก กล่าวคือ ส่งเสริมให้บุคคล กลุ่มบุคคล ชุมชน องค์กรต่างๆ
มีอิสระในการจัดการการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ตามความต้องการของบุคคล ชุมชน ท้องถิ่น
และองค์กรต่างๆ จะเกิดจินตนาการใหม่ๆ ความริเริ่มใหม่ๆ ความสร้างสรรค์ใหม่ๆ อย่างหลากหลาย
มีความยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ต่างๆ จะเกิดนวัตกรรมการเรียนรู้เต็มแผ่นดิน
ความหลากหลายของจินตนาการและนวัตกรรมการเรียนรู้
เป็นความงามที่ก่อให้เกิดความปิติสุขแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

ในระบบการศึกษาที่ส่งเสริมความงอกงามอย่างหลากหลาย กระทรวงศึกษาธิการไม่เหมือนเดิม
น้ำหนักจะไปอยู่ที่ครูมากกว่าผู้บริหาร(ควบคุม) การศึกษา ครูที่ส่งเสริมการเรียนรู้และร่วมเรียนรู้จะกลายเป็นครูที่เก่ง
ครูที่ใช้อำนาจจะเป็นครูที่ไม่เก่ง เราก็ได้แต่ร้องว่าครูไม่เก่งๆ
โดยไม่เปลี่ยนระบบอำนาจ กระทรวงศึกษาธิการจะมีขนาดเล็กลง
เหมือนในประเทศที่เจริญทั้งหลาย และปรับบทบาทจากผู้ควบคุม
กลายเป็นผู้สนับสนุนเชิงนโยบายและเชิงวิชาการ

การที่จะสนับสนุนทางนโยบายและทางวิชาการได้ ตัวเองจะต้องเก่ง
ถ้ามีอำนาจและใช้อำนาจตัวเอง
ก็ไม่ต้องเก่งและจะไม่เก่ง กระทรวงศึกษาธิการในรูปใหม่จะไปติดตาม
ชื่นชมความงอกงามอย่างหลากหลาย
ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อยอดให้งดงามและดียิ่งๆขึ้นไป
คนทั้งประเทศจะถูกปลดปล่อยไปเป็นอิสระและพัฒนา
อย่างหลากหลายเต็มตามศักยภาพ
ของความเป็นมนุษย์ ประเทศไทยจะเข้มแข็งขึ้น

ในท้ายที่สุดผมขออาราธนาอาจารย์สุกรี เจริญสุข อย่าไปโกรธใครเลย
ไม่ว่าจะเป็นหมอวิจารณ์หรือใครอื่น
เพราะในระบบการควบคุมทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้ความบีบคั้น
ขอให้อาจารย์สุกรีและคณะจงบรรเลงเพลงปฏิรูประบบการศึกษาไทยให้กระหึ่มไปทั้ง ประเทศ

ประเทศไทยพยายามปฏิรูปการศึกษามาด้วยวิธีต่างๆมากแล้วแต่ไม่สำเร็จ
การใช้ดนตรีปฏิรูปอาจสำเร็จ เพราะเมื่อผู้คนได้ฟังดนตรีแล้วจะมีความสุข
เมื่อมีความสุขแล้วสมองจะดี เรียนรู้เรื่องที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น

ถึงเวลาประเทศไทยจะต้องเข้าเกียร์ใหม่ เปลี่ยนจากเกียร์ใช้สมองส่วนหลัง
ไปใช้เกียร์สมองส่วนหน้าหรือสมองแห่งความเป็นมนุษย์ซึ่ง
ทำให้เกิดจินตนาการ สติปัญญาที่ลึกซึ้ง มีวิจารณญาน มีสุนทรียธรรม และมีศีลธรรม

ด้วยการปรับระบบการศึกษา จากระบบการควบคุม
ไปเป็นระบบส่งเสริมความงอกงามอย่างหลากหลาย.













Sep 6, 2011

ดุสิต นนทะนาคร



ประวัติบุคคลสำคัญ

ชื่อ-สกุล
ดุสิต นนทะนาคร

ครอบครัว สมรสกับนางนิรมล นามสกุลเดิมของคู่สมรส หงสไกรมีบุตรสาว 2 คน คือ
นางนีลัญชนา นนทะนาคร และนางสาวรวิสุดา นนทะนาคร

การศึกษา

- ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (ยูซีแอลเอ) สหรัฐอเมริกา
(นักเรียนทุนจากบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
- ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขาโครงสร้าง มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
- ปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์โยธา มหาวิทยาลัยยังสทาวน์ รัฐโอไ
โอ
- ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย

การทำงาน/ตำแหน่งหน้าที่
1 กรกฎาคม 2548 กรรมการบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)

ตำแหน่งอื่นๆ
26 มีนาคม 2552 ประธานสภาหอการค้าไทย คนที่ 21
10 มีนาคม 2552 กรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
(กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารจัดการ)
18 ธันวาคม 2550 กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย
9 ตุลาคม 2550 กรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(ด้านบริหารธุรกิจ)
26 ธันวาคม 2549 กรรมการธนาคารออมสิน
7 พฤศจิกายน 2549 กรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย
20 ธันวาคม 2548 กรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
27 สิงหาคม 2545 กรรมการมาตรฐานสินค้า

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
และประธานหอการค้าไทย คนที่ 21 มีอายุ 64 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ
ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 6 กันยายน 2554
หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย มาได้ระยะหนึ่งแล้ว

นายดุสิต นนทะนาคร ได้เป็นผู้นำกลุ่มนักธุรกิจประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการคอรัปชั่น
ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่ง 21 องค์กรเอกชนได้ประกาศเข้าร่วมเจตนารมณ์ดังกล่าว
จนกลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั้งประเทศ